|
ธรรมวิถีกวนอิมนำเราไปสู่ต้นตอของสิ่งต่างๆ
ทั้งมวล |
|
ถาม:
ขั้นตอนการรู้แจ้งเป็นอย่างไร เทคนิคนี้สามารถนำเราไปสู่การรู้แจ้งระดับไหน? |
|
ตอบ:
มันจะนำเธอไปสู่ต้นตอของสิ่งต่างๆ ทั้งมวล เป็นที่ซึ่งเธอจากมาและเป็นที่ซึ่งทุกๆ
สิ่งจะกลับไป
ระหว่างระดับชั้นของโลกนี้มีระดับของจิตหรือระดับของความเป็นอยู่ทั้งหมด 5
ระดับ
ถ้าเราได้ฝึกปฏิบัติวิธีแห่งแสงและเสียงจากสวรรค์และได้รับการนำทางจากครูที่มีประสบการณ์มาแล้ว
สามารถผ่านระดับชั้นที่ 5
นี้ไปได้เราก็จะไปถึงที่นั่นซึ่งเป็นบ้านของมหาอาจารย์ทั้งมวล
อาจารย์ทุกท่านลงมาจากระดับนี้และเมื่อเสร็จภารกิจท่านก็กลับไปที่นั่น
ในอนาคตเราก็จะลงมาช่วยสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ถ้าหากเราปรารถนาที่จะกลับมายังโลกนี้ใหม่หรือโลกอื่นๆ ในจักรวาลก็ได้
ดังนั้น ขั้นแรกก็คือรับการประทับจิตแล้วสิ่งอื่นๆ ก็จะตามมาเอง |
|
ถาม:
การไปหาพระเจ้านั้นมีอยู่หนทางเดียวก็คือรับการประทับจิตในแสงและเสียงใช่ไหม? |
|
ตอบ: ใช่ นั่นคือการเดินทางช่วงสุดท้ายเธอยังคงมีหนทางอื่นอีกมาก
แต่ถ้าเธอไปไม่ถึงที่นั่นเธอก็จะไม่ได้อยู่ที่นั่น
ก็เหมือนกับประตูบ้านไม่ว่าเธอจะเดินทางจากถนนสายไหนถ้าเธอไม่ได้ผ่านประตูนั้น
เธอก็เข้าไปในบ้านไม่ได้ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น
เราเริ่มต้นจากจุดนี้เลยเพราะว่าเราโชคดีมากกว่าคนอื่น |
|
ถาม:
การประทับจิตมีมากกว่าหนึ่งแบบใช่ไหม? |
|
ตอบ:
ไม่ใช่ๆ ภายนอกมีแบบเดียวแต่ภายในมีหลายแบบขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ยกตัวอย่างเช่น
ในเวลาที่มีการประทับจิตผู้ที่เป็นอาจารย์หรือตัวแทนของอาจารย์จะให้คำแนะนำเหมือนๆ
กัน แต่การประทับจิตไม่ได้มาจากคำแนะนำเหล่านี้
การประทับจิตมาจากภายในจากการตื่นขึ้นของธรรมชาติของเธอเอง
แต่ถึงกระนั้นระดับชั้นก็ยังมีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น
คนสองคนที่นั่งอยู่ในที่เดียวกันหรือนั่งติดกันก็อาจจะมีระดับชั้นต่างกันอย่างมากมายได้
ดังนั้น ผู้ที่เป็นอาจารย์จะสอนแต่ละคนแตกต่างกัน
โดยสอนจากภายในและมีแต่เพียงบุคคลนั้นเท่านั้นที่ทราบ
เขาจะรู้อยู่ภายในว่าอาจารย์สอนอะไรเขาและประสบการณ์ของเขาจะต่างไปจากภรรยาของเขา
หรือลูก สามี พี่ชาย ฯลฯ เพราะฉะนั้น
ถ้าเธออยากจะเรียกว่าเป็นการประทับจิตหลายแบบต่างกันก็ได้ถ้าเธอต้องการ
แต่ฉันจะใช้คำว่า 'มันเป็นการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องไปของแต่ละคนที่แตกต่างกัน' |
|
ถาม:
ท่านอาจารย์ชิงไห่มีบางเวลาที่ฉันปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไม่มีตัวตนอยู่
กรุณาออกความเห็นในเรื่องนี้ด้วยถ้าท่านมีความเห็นอะไร |
|
ตอบ:
โอ ฉันก็เป็นแบบนั้น (อาจารย์หัวเราะ)
ฉันก็อยากจะไม่มีตัวตนฉันจะได้ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเป็น "อาจารย์"
ผู้ยิ่งใหญ่อะไรต่างๆ พวกนี้
แต่เนื่องจากเราเป็นของเราแบบนี้เราก็อยู่ต่อไป
อยู่และดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในเวลาเดียวกันเราก็ได้รับการรู้แจ้งไปด้วยเพื่อเราจะได้อยู่ในระดับที่มีตัวตนและระดับที่ไม่มีตัวตนไปพร้อมๆ
กัน แต่ระดับที่ไม่มีตัวตนนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นความว่างเปล่านะ
ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลยแต่เป็นชีวิตที่พร้อมมูลเต็มไปด้วยความสุกใส รุ่งโรจน์
ความสุข และพลังแห่งการสร้างสรรค์
เราจะมีความสุขกับชีวิตแบบนั้นมากกว่าชีวิตที่มีความเป็นอยู่ซึ่งเราเรียกว่าชีวิตมนุษย์นี้
แต่เราอาจจะมีได้ทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก วิเศษจริงๆ |
|
ถาม:
ลูกๆ ของฉันมีความสำคัญต่อฉันมาก
หลังจากประทับจิตแล้วฉันยังคงรักเขาอยู่ได้หรือเปล่า?
และไม่ใช่เพียงแค่อยู่ร่วมกับเขาเฉยๆ เท่านั้น
จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างในแง่นี้? |
|
ตอบ:
โอ พระเจ้าช่วย (คนหัวเราะ)
เธอกลายเป็นเด็กไปเสียแล้วลูกศิษย์ของฉันเขาทิ้งลูกๆ กันหรือ?
เขาจัดการกับลูกๆ อย่างไรกัน? เธอจัดการกับลูกๆ อย่างไรหลังจากประทับจิต?
เธอรักเขาได้หรือเปล่า? (ผู้ฟัง:
รักเขามากยิ่งขึ้นอีก)
เขาตอบว่าเขารักลูกมากกว่าแต่ก่อนอีก เพราะฉะนั้นเอก็จะปลอดภัยแน่!
โอเคไหม? เก็บรักษาลูกๆ ของเธอไว้ไม่ต้องกังวล แน่ไม่อยากได้หรอก
(อาจารย์หัวเราะและผู้ฟังปรบมือ) |
|
ถาม:
ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนทางจิตวิญญาณ (soulmate)
หรือเปล่า?
ถ้ามีจะมีความหมายสำคัญทางจิตวิญญาณอย่างไรสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? |
|
ตอบ:
เพื่อนทางจิตวิญญาณคือบุคคลซึ่งเมื่อเธอพบ
เธอก็รู้สึกมีแรงดึงดูดเข้าหากันและกัน และเธอทั้ง 2
คนจะช่วยเสริมชีวิตของกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนทางของการบำเพ็ญ
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนทางจิตวิญญาณ
แต่ในโลกซึ่งมีแต่หนึ่งไม่มีสองนี้มันไม่มีวิญญาณหรือไม่มีเพื่อนอะไรหรอก
เป็นเพียงแต่คำพูดของทางโลกเท่านั้น เพราะฉะนั้น
ใครก็ตามที่เธอรู้สึกว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจมากสำหรับเธอ
และสามารถช่วยเหลือเธอได้มากในกิจกรรมชีวิตประจำวันรวมทั้งด้านการบำเพ็ญ
ผู้นั้นก็คือเพื่อนทางจิตวิญญาณของเธอ...ในขณะที่เธอยังอยู่ที่นี่ถ้าเธอต้องการเพื่อนอยู่
เข้าใจไหม? |
|
|
อาจารย์ที่แท้จริงจะปลุกตัวตนภายในที่แท้จริงของเธอให้ตื่นขึ้น |
|
ถาม:
เราจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นอาจารย์แท้หรืออาจารย์เทียม? |
|
ตอบ:
โอ เรื่องนี้ฉันไม่รู้ ฉันยังไม่เคยพบอาจารย์เทียมฉันพบแต่อาจารย์ที่แท้จริง
แท้หรือเทียมขึ้นอยู่กับตัวเธอ
มีอยู่หลายวิธีที่จะรู้ว่าเป็นอาจารย์ที่แท้จริง
เมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าอาจารย์ยึดติดอยู่กับเพียงบางส่วนของสัจธรรมและละทิ้งส่วนอื่นๆ
ที่เหลือ
และสอนลูกศิษย์เฉพาะส่วนนั้นเท่านั้นแบบนี้เราเรียกว่าอาจารย์เทียม
แต่จริงๆ แล้วชื่อนี้ไม่ถูกต้องน่าจะเป็น "อาจารย์บางส่วน" มากกว่า หรือ
"อาจารย์ไม่เต็มเวลา"(อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) แต่ไม่ใช่เทียม
และเมื่อผู้ใดสอนสัจธรรมทั้งหมดที่มีอยู่ภายในตัวของเธอ
และปลุกสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเธอให้ตื่นขึ้นนี่แหละคืออาจารย์ที่แท้จริง
ธรรมชาติที่แท้จริงของเธอคืออะไร? อาจารย์ที่แท้จริงภายในตัวเธอคืออะไร
ก็คือพระเจ้า เป็นจิตศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอาศัยอยู่ภายในโบสถ์ของเธอ ในวัดของเธอ
(หมายถึงร่างกาย) และเมื่อพระเจ้านั้นแสดงตนออกมา
เราจะสามารถได้ยินคำสอนของท่านโดยอาศัยดนตรีแห่งสวรรค์
เราสามารถเห็นท่านด้วยภาพโดยการเห็นแสงสว่างอันเจิดจ้า
บางครั้งเหมือนดวงอาทิตย์เป็นพันๆ ดวง นั่นแหละคือธรรมชาติที่แท้จริงของเรา
เมื่อมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เพราะฉะนั้น
ถ้าอาจารย์คนไหนสามารถปลุกปัญญาแห่งสวรรค์
แรงสั่นสะเทือนแห่งสวรรค์และแสงแห่งสวรรค์ซึ่งอยู่ภายในตัวเธอ
ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของเธอเป็นอาจารย์ของเธอเอง
อาจารย์ผู้นั้นก็คืออาจารย์ที่แท้จริงเราจะต้องรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเราเอง |
|
ถาม:
เกี่ยวกับข้อปฏิบัติห้าข้อ (ศีลห้า)
ซึ่งจะต้องกระทำจึงจะได้รับการประทับจิตนั้น หากเราไม่ปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น? |
|
ตอบ:
ถ้าเธอไม่ได้ปฏิบัติตามนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเธอไม่ได้ปฏิบัติฉันจะทำอะไรได้
ก็ลองพยายามดูใหม่ โอเค? ถ้าเธอคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเธอ
ดีสำหรับผู้อื่นและเป็นเหมือนเกราะป้องกันความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณของเรา
เราก็ปฏิบัติไปตามนั้น โอเค
และอย่าทำให้ความบริสุทธิ์ของเธอซึ่งเพิ่งจะเติบโตขึ้นมาได้รับความเสียหาย
แต่ถ้าเธอไม่ปฏิบัติก็ไม่มีใครมาประณามเธอหรือทำอะไรเธอ
ยกเว้นแต่จิตสำนึกของตัวเธอเอง
เพราะฉะนั้นก็ลองพยายามดำเนินชีวิตให้ไปถึงจุดนั้นให้ได้
และถ้าเธอพลาดก็ลุกขึ้นและพยายามใหม่ |
|
ถาม:
วิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดที่จะไปสู่การตระหนักรู้ในตนเอง
และการตระหนักรู้ในพระเจ้าคือวิธีไหน? |
|
ตอบ:
วิธีนี้แหละ เขาไม่ได้เขียนไว้หรือ? "รู้แจ้งฉับพลัน" "ธรรมวิถีกวนอิม"
นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด ง่ายที่สุด และเร็วที่สุด
เธอจะรู้แจ้งได้ทันทีโดยไม่ต้องเตรียมตัว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่มีข้อแม้
ในวันนี้หลังการบรรยายนี้เลย โอเค?
และถ้าเธอไม่ได้รู้แจ้งทันทีก็ยินดีรับประกันเอาเงินคืนได้
(คนหัวเราะและปรบมือ) โอ แต่เดี๋ยวก่อน จริงๆ
แล้วเราก็ไมมีการรับประกันคืนเงินหรอก เพราะเราไม่คิดเงินเลยแม้แต่เพนนีเดียว
(คนหัวเราะและปรบมือ) |
|
ถาม:
เราจะป้องกันตัวเราจากความรุนแรงของธรรมชาติ
และความรุนแรงของมนุษย์ได้อย่างไร? |
|
ตอบ:
เราไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเราเลย เรามีอะไรที่น่าปกป้องนัก?
ก่อนเธอจะเกิดมาเธอมีอะไร? หลังจากเธอตายไปแล้ว เธอจะเอาอะไรไปได้บ้าง?
มีอะไรที่มีค่าเหลือเกินที่เราควรจะต้องปกป้องไว้หรือ?
โยนทุกอย่างทิ้งไปให้หมด
ปล่อยให้มันเป็นไปตามเรื่องจะมีอะไรเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด
ถ้าร่างกายของเธอตายไปเน่าเปื่อยไป
เธอก็ยังมีอีกหลายร่างหลายพันล้านร่างไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
ถ้าของสิ่งใดควรจะต้องเป็นของเธอๆ จะไม่สามารถกำจัดมันด้วยซ้ำ
ถ้าหญิงสาวคนนั้นควรจะต้องเป็นคู่หมั้นของเธอก็ไม่มีใครฉวยเธอเอาไปได้
ถ้างานนั้นจะต้องเป็นของเธอเป็นประกาศิตจากสวรรค์ก็ไม่มีใครมาแทนที่เธอได้
อย่าไปกังวลทำตัวตามสบายให้เรารู้แจ้งดีกว่า (คนปรบมือ) ความกลัวต่างๆ
เหล่านี้ทำให้เราต้องอยู่ห่างจากชีวิตที่มีความสุขและชีวิตในปัจจุบัน
ดังนั้นจึงมีความรู้สึกผิดผิด ความขัดแย้ง
การแสร้งทำทั้งหลายผุดขึ้นมาจากความกลัวของตัวตนนี้ ของตัวอัตตานี้
มันจะบอกว่าฉันมีสิ่งนี้ ฉันมีสิ่งนั้น ฉันเสียหน้าไม่ได้
ฉันทำสิ่งนั้นไม่ได้เพราะฉันอยู่ในตำแหน่งนี้
ฉันด่าคนไม่ได้เพราะว่าฉันเป็นอาจารย์
ฉันควรจะต้องทำตัวให้สง่างามพูดนุ่มๆ อ่อนโยน ฯลฯ
ขอให้เหวี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไปและทำตัวให้อยู่ในปัจจุบัน
จำเป็นจะต้องทำอะไรตอนนั้นก็ทำอย่างเต็มที่
โดยมีความเชื่อมั่นในพระเจ้า มีความเชื่อในแผนการของจักรวาล เข้าใจไหม?
(ผู้ฟัง: เข้าใจ) |
|
ถาม:
ศาสนาคริสต์สอนเราว่าเราทุกคนเป็นบาป
ถ้าเรารู้แจ้งแล้วเราจะยังเป็นคนบาปอยู่หรือไม่?
ถ้ายังเป็นอยู่มันจะมีวันสิ้นสุดไหมการเป็นคนบาปของเรานี้น่ะ? |
|
ตอบ:
ใช่ เราเป็นคนบาปเพราะว่าเราเชื่อว่าเราเป็นอย่างนั้น
เพราะเราไม่มีวิธียกตัวเราเองขึ้นมาเหนือระดับของความบาป เหนือโคลนตม
ถ้าเธออยู่ในโคลนแน่นอน เธอก็ต้องดูสกปรกไม่ใช่หรือ?
ถ้าเธอขึ้นมาโคลนจะทำอะไรเธอได้ ไม่ว่าโคลนจะยังคงอยู่ที่เดิมหรือไม่ก็ตาม
เข้าใจไหม? เพราะฉะนั้นเอต้องขึ้นมา ต้องรู้แจ้ง (คนปรบมือ) |
|
ถาม:
มนุษย์ที่รู้แจ้งแล้วและอยู่ในสังคมที่มีความขัดแย้ง
จะสามารถช่วยขจัดความขัดแย้งในสังคมได้อย่างไรกัน? |
|
ตอบ:
เป็นเรื่องที่ยากมากเราทำได้เพียงแค่ขจัดความขัดแย้งภายในตัวเราออกไป
ถ้าทุกคนทำเช่นนั้นก็จะไม่มีความขัดแย้งที่ต้องขจัด ดังนั้น
แม้ว่าพระเยซูจะยิ่งใหญ่มาก พระพุทธเจ้าก็ทรงยิ่งใหญ่มาก
แต่ท่านเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถขจัดความขัดแย้งในประเทศของท่านได้เลย
และบางครั้งภัยพิบัติก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตของท่านด้วยซ้ำ
เพราะว่าคนส่วนใหญ่ในโลกยังไม่อยู่ในความสงบสุข ยังไม่รู้แจ้ง ดังนั้น
การรู้แจ้งจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะใช้สำหรับความป่วยไข้ทุกชนิดของโลกนี้
สำหรับสงครามและความขัดแย้ง ไม่มีอะไรที่จะเป็นนอกเหนือจากนี้ |
|
|
ธรรมชาติที่แท้จริงไม่ได้อยู่กับสิ่งใด ฝุ่นไม่มีทางจะเกาะมันได้ |
|
ถาม:
ฉันได้ยินหลายคนกล่าวว่าเมื่อท่านรู้แจ้งแล้ว
ท่านควรจะต้องโกนผมและไม่แต่งหน้า (คนหัวเราะ)
ท่านคิดอย่างไรกับคำกล่าวหรือคำวิจารณ์นี้? |
|
ตอบ:
พวกเธอคิดอย่างไรล่ะ ถูกต้องไหม? (ผู้ฟัง:ไม่ถูก)
ไม่ถูก พวกเขาบอกว่าไม่ถูก (คนหัวเราะและปรบมือ) ฉันจะให้เธอได้เกรด
A (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) แจ๋วมาก เยี่ยมมาก
ฉันชอบ เป็นสิ่งที่งดงามมากพวกเธอยังมีใจเปิดกว้างมาก รู้แจ้งมาก
อย่างน้อยก็มากระดับหนึ่ง ถ้าความสนใจของเธอยังยึดติดอยู่กับสิ่งต่างๆ
ในโลกนี้ ไม่ว่ามันจะมีหรือไม่มีก็ตามเธอก็ขัดขวางตัวเธอเอง จริงไหม?
ธรรมชาติของเธอไม่ได้ยึดอยู่กับสิ่งใด
ไม่มีฝุ่นที่ไหนจะมาจับธรรมชาติของเธอได้ โอเค?
ไม่มีเครื่องสำอางอะไรจะมาบดบังธรรมชาติแห่งพุทธะของเธอได้
ไม่มีลิปสติกที่ไหนจะมาทำให้แสงแห่งสวรรค์พร่ามัวได้
ถ้าเธอมีตาเธอจะเห็นว่าตอนนี้ฉันมีแสงเปล่งออกมา
แม้ว่าฉันจะเอาถ่านทั้งกล่องมาทาหน้าของฉันทำให้ตัวฉันดำไป
ฉันยังคงขาวและสว่างเจิดจ้า (คนปรบมือ)
เพราะฉะนั้นถ้าเธอโกนหัวของเธอๆ
จะรู้แจ้งอย่างนั้นหรือ เป็นอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมเธอไม่ทำล่ะมันง่ายจะตายไป
(คนหัวเราะ) เธอก็ทำแบบนั้นให้หมดทุกคนเลย สตีฟ
ผมของเธอยาวเกินไปสำหรับการรู้แจ้งแล้ว (คนหัวเราะและปรบมือ)
พระเจ้าไม่สนหรอกว่าผมของเธอจะยาวหรือสั้น เหลวไหล (คนหัวเราะ) มิฉะนั้นแล้ว
พวกนางงามจักรวาลทั้งหลายก็คงจะรู้แจ้งไม่ได้สิ อย่างนั้นหรือ?
(อาจารย์หัวเราะ) ถ้าเราพูดแบบนั้นไป พวกร้านตัดผมทั้งหลาย
ร้านเสริมสวยทั้งหลายก็ต้องปิดกิจการแน่
เราก็จะทำให้เกิดภาวะว่างงานมากยิ่งขึ้นไปใหญ่ (คนหัวเราะ) โอๆ
ถ้าฉันเทศน์สอนแบบนั้นคุณคลินตันคงไม่มีความสุขแน่ (คนหัวเราะ)
เขาคงไม่อนุญาตให้ฉันเข้ามาเทศน์สอนในอเมริกาแน่ |
|
|
ถาม:
อัตตาเป็นพลังที่แข็งแรงมาก เราจะชนะอัตตาได้อย่างไร? |
|
ตอบ:
โดยการรู้แจ้ง อัตตาคือ การเอาความสนใจมายึดติดกับตัวตนที่เล็กๆ เช่น "โอ!
ฉันเป็นหมอ ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ ฉันเป็นครู ฉันเป็นคนโน้นคนนี้
ซึ่งมีตำแหน่งสูงๆ" นั่นแหละคืออัตตา
แต่เมื่อเรารู้จักตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น อัตตาก็จะหลบหายไปข้างใน
เพราะว่าเราไม่ได้เป็นแค่หมอ เราเป็นพระเจ้าหรืออย่างน้อยก็เป็นลูกๆ
ของพระเจ้า เราเป็นพุทธะ โอเค?
นี่แหละคือวิธีเดียวที่จะหลอมละลายอัตตาโดยใช้กรอบของตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น |
|
ถาม:
แหล่งต้นตอของโลกนี้คืออะไร |
|
ตอบ:
อืม (อาจารย์หัวเราะ) มันต้องใช้เวลาที่จะวิจัยเรื่องนี้ จริงไหม?
ทำไมเธอไม่ใช้ชีวิตของวันนี้ ให้เรารู้แจ้งแล้วเราก็จะเห็นด้วยตัวเราเอง
เพราะถ้าฉันบอกเธอจะต้องใช้เวลานานมาก
เธอก็รู้ว่าโลกของเรานี้ถ้าพูดตามหลักภูมิศาสตร์ก็มีอายุเป็นหมื่นๆ
ล้านปีแล้ว ถ้าเธออยากจะวิจัยเรื่องนี้ฉันคงไม่มีเวลาบรรยาย
ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ?
แต่ความจริงที่เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของโลกนั้นอยู่ภายในตัวเรา
เรามีห้องสมุดอยู่ภายในถ้าเราขึ้นไปถึงระดับที่ 2 เธอก็จะดูมันได้
แล้วเธอก็จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เพียงแค่โลกนี้เท่านั้น
แต่จะรู้เกี่ยวกับโลกอื่นๆ มากมายในจักรวาล |
|
ถาม:
ท่านอาจารย์ชิงไห่ ถ้าใครได้รับการประทับจิตจากท่านแล้ว
ก็จะต้องเป็นลูกศิษย์ของท่านตลอดไปหรือไม่? งานของลูกศิษย์คืออะไร? |
|
ตอบ:
งานของลูกศิษย์ของเราก็คือการมาเป็นอาจารย์ (คนหัวเราะ) เพราะฉะนั้น
เธอไม่จำเป็นต้องเป็นลูกศิษย์ของฉันด้วยซ้ำ
เธอเองก็เป็นอาจารย์อยู่แล้วเพียงแต่เธอไม่รู้ ดังนั้น
ฉันจึงบอกวิธีให้เธอจำตนเองได้อีกครั้งหนึ่งเท่านั้นแหละ จริงๆ
แล้วไม่มีลูกศิษย์
คำนี้เป็นเพียงชื่อเรียกซึ่งเราใช้เรียกตัวเราในโลกแห่งวัตถุนี้ |
|
ถาม:
ขอให้ท่านกรุณาอธิบายให้ฉันฟังว่าจิตใจคืออะไร? |
ตอบ:
จิตใจไม่ใช่อะไรเลย เป็นเพียงความคิดต่างๆ
และข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ในชีวิตประจำวันของเรา
เมื่อเราติดต่อสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ และเราเรียกสิ่งนั้นว่า "ตัวตน" หรือ
"จิตใจ" แล้วเราก็เริ่มยึดติดกับสิ่งนั้นและพูดว่า "โอ!
ฉันเป็นแบบนั้น ฉันแปรงฟันวันละ 3 หน นั่นแหละตัวฉัน" ฯลฯ แต่สิ่งต่างๆ
เหล่านี้คืออะไรกัน เป็นเพียงข้อมูลที่รวบรวมไว้เท่านั้น
ก่อนที่เธอจะเกิดมาเธอไม่เคยแปรงฟันของเธอๆ ไม่มีฟัน (คนหัวเราะ)
นั่นคือตัวอย่าง เธอเข้าใจไหม? เพราะฉะนั้น จิตใจนี้ไม่มีอะไรเลย
และเราคงจะไม่ฉลาดเลยถ้าจะมัวแต่ฟังสิ่งที่เรียกว่าจิตใจนี้
มันเป็นเพียงนิสัยที่รวบรวมไว้เป็นข้อมูลจากคนอื่นๆ จากสังคม
และจากความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันทำให้เราคิดว่าเราเป็นแบบนั้น "โอ
ฉันต้องกินนี่ ฉันต้องดื่มกาแฟเพราะว่านั่นคือตัวฉัน
เป็นวิธีการของชีวิตของฉัน นี่แหละตัวฉัน" แต่ตัวฉันนั้นคือใคร?
ใครดื่มกาแฟก่อนที่เธอจะเกิดมา? เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนนี้
ยังไม่มีกาแฟเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น สิ่งต่างๆ
เหล่านี้จึงเชื่อถือไม่ได้เป็นสิ่งไร้สาระมาก มันไม่ใช่ตัวเธอเอง
แต่นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราส่วนใหญ่เรียกว่า ตัวฉัน" นี่แหละคือจิตใจ |
|
ถาม:
เมื่อท่านรู้แจ้งแล้ว
ท่านอาจจะสูญเสียการสำนึกถึงการรู้แจ้งของท่านได้หรือไม่? |
|
ตอบ:
โอ ได้ เป็นไปได้ ใช่ เมื่อตอนเธอนอนหลับ
บางครั้งเมื่อเธอนั่งสมาธิแล้วเธอก็นอนหลับและแสงก็มา
การรู้แจ้งก็มาแต่เธอก็ไม่รู้เรื่อง
ไม่ได้รับรู้มันแต่ตอนที่เธอไม่ได้นอนหลับเธอก็จะรู้ โอเค? |
|
ถาม:
เราจะหยิบยื่นสันติภาพให้แก่ผู้ที่เคยเป็นศัตรูของเราได้โดยเร็วอย่างไร? |
|
ตอบ:
ก็กอดเขา จูบเขา ให้ลูกอมแก่เขา (คนหัวเราะและปรบมือ)
นี่แหละคือสิ่งที่ฉันทำเมื่อเช้านี้
เพราะบางคนไม่สามารถจะรู้แจ้งได้ด้วยคำพูด หรือการอธิบาย
หรือแม้แต่การประทับจิต บางคนเพียงแต่ต้องการความรักโดยตรง
ทั้งทางด้านร่างกาย ความคิด รวมทั้งอารมณ์ด้วย |
|
ถาม:
ฉันจะหนีจากเนื้อหนังของฉัน และหมดความต้องการเรื่องเพศตรงข้ามได้อย่างไร |
|
ตอบ:
โอ อย่าหนีมันไป (คนหัวเราะ) มิฉะนั้นแล้ว เราก็คงไม่มีลูกกันอีกต่อไป
พยายามอดใจไว้มีคู่เพียงคนเดียวเท่านั้น โอเค?
ถ้าเธอมีกัลยาณมิตรซึ่งเธอพบว่าดีต่อตัวเธอ ความรักทั้ง 3 มิติ คือ ร่างกาย
อารมณ์ และความคิดก็เป็นสิ่งที่ดี จากนั้นความต้องการทางเนื้อหนังจะค่อยๆ
ลดความรุนแรงในตัวเธอลงไป หลังจากที่เราควบคุมสัมพันธภาพอันมั่นคงในชีวิตสมรสได้แล้ว
เธอเข้าใจไหม? เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากนั้นมันจะค่อยๆ ตายลงไป มันจะหมดเสน่ห์ลงเพียงแต่อดใจให้เย็นๆ ไว้
เพราะฉะนั้น มีคู่เพียงคนเดียวแค่นั้นก็พอแล้ว (คนปรบมือ) |
|
ถาม:
เราจะช่วยเหลือคนที่กำลังป่วยหนักอย่างดีที่สุดได้อย่างไร? |
|
ตอบ:
บางครั้งเราก็มีปัญหาได้ บางครั้งรถอาจจะไหม้ บางครั้งยางแตก
บางครั้งตัวถังมีรอยขูดอะไรแบบนี้ เธอทำอย่างไรกับรถของเธอล่ะ
ก็พยายามซ่อมแซมมันไปร่างกายก็เช่นเดียวกัน
และถ้าหากรถนั้นซ่อมไม่ได้แล้วมันอาจจะต้องใช้เงินในการซ่อมแพงกว่าที่จะซื้อคันใหม่
ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อคันใหม่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกหรือ?
ร่างกายของเราก็เช่นเดียวกันอะไรที่เธอสามารถจัดการกับรถได้ รถคันนี้
หมายถึงร่างกายนี้ก็ทำไป
ถ้าทำไม่ได้ก็ปล่อยมันไปและพระเจ้าก็จะให้รถคันใหม่แก่เธอ
ส่วนใหญ่เอาแต่สนใจรถคันนี้กันมากเหลือเกิน
และเขาก็เกิดมีการฆ่ากันเพื่อให้รอดชีวิตก็เพราะรถคันนี้ ทำสิ่งต่างๆ
มากมายซึ่งค้านกับจิตสำนึกของเราก็เพราะรถคันนี้ ดังนั้น
เราจึงต้องตระหนักให้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่ง
ก็เหมือนกับรถที่เธอซื้อนั่นแหละ |
|
ถาม:
ถ้าบุคคลหนึ่งมีความปรารถนาที่จะได้รับการหลุดพ้นหรือออกไปพ้นจากโลกทั้งสามนี้ ความปรารถุนาแบบนี้ตากต่างจากความปรารถนาทั่วไปหรือไม่? |
|
ตอบ:
ถูกต้องมันแตกต่าง
เพราะเมื่อมีความปรารถนานี้เพียงอย่างเดียวความปรารถนาอื่นๆ ทั้งหมดก็ตายไป
มิฉะนั้นแล้ว เราก็จะมีความต้องการหลายอยางเกินไป เข้าใจไหม?
แล้วเราก็จะมีปัญหาเพราะเราจะถูกดึงจากทิศทางต่างๆ คนละทิศ
ในขณะที่ถ้าเรามีความปรารถนาที่จะมุ่งขึ้นไปสูงๆ เพียงอย่างเดียว
เราก็จะถูกดึงขึ้นและเราก็จะมีความสุข เราจะได้ไปถึงธรรมชาติอันสูงส่งของเรา |
|
ถาม:
ความรักทำให้มัวเมาหรือไม่?
ถ้าเป็นเช่นนั้นเราควรจะต้องงดเว้นจากมันหรือไม่ตามศีลข้อที่ 5? |
|
ตอบ:
โอ ไม่ๆๆ! ความมัวเมานี้หมายถึงยาเสพติด
แอลกอฮอล์และสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เธอเสพติดทำให้เธอกลายเป็นทาส
และยังทำให้สายตาของเธอพร่ามัว ทำลายเซลล์สมองของเธอ ทำลายความสามารถในการคิด
การเห็น และการกระทำที่แจ่มชัด พวกนี้คือยาเสพติดเป็นสิ่งที่ทำให้มัวเมา |
|
ถาม:
เราจะได้พลังงานจากการนั่งสมาธิโดยวิธีไหน? |
|
ตอบ:
วิธีซึ่งไม่ต้องออกแรง พลังงานจากการนั่งสมาธิมีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว
โดยอาศัยพลังที่เราได้รับเมื่อเราได้รับการประทับจิตจากอาจารย์ท่านหนึ่ง
พลังนั้นก็ตื่นขึ้น ดังนั้น เรานั่งสมาธิด้วยวิธีการที่เราเรียกว่าธรรมวิถีกวนอิม
ซึ่งไม่ใช่เป็นวิธีการอะไรเลย เราได้รับพลังงานโดยตรงโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
เป็นการกระทำซึ่งไม่ต้องออกแรง นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด
เป็นวิธีตามธรรมชาติ เพาะว่าเราได้รับในสิ่งที่เรามีอยู่ เราไม่ได้ยืมใครมา
เราไม่ต้องพยายาม เราไม่ได้ขโมย เราไม่ได้บังคับให้มันเกิดขึ้นแต่สิ่งต่างๆ
เกิดขึ้นก็เพราะมันมีอยู่แล้ว |
|
ถาม:
การรู้แจ้งมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พุทธะแบบเซ็น ใช่หรือไม่? |
|
ตอบ:
ใช่ ถ้าเธอต้องการชื่อนี้มากเหลือเกิน |
|
ถาม:
มีโอกาสเป็นไปได้ไหมที่มนุษย์ซึ่งรู้แจ้งเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้
จะสามารถส่งผลกระทบทำให้คนจำนวนมากที่หลับอยู่หรือหลงทางไปได้ตื่นขึ้น? |
|
ตอบ:
ได้ๆ พวกเขาจะทำให้เกิดผลกระทบบางอย่าง ถูกต้อง
แต่แน่นอนสิ่งที่ดีที่สุดก็คือคนส่วนใหญ่สามารถตื่นขึ้นมาได้ |
|
|