ครอบครัวกวนอิม ร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือ
ผู้ประสบภัยจากลมพายุเฮอริเคน

 

รายงานโดยกลุ่มข่าวสหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาเอาหลักกับภาษาอังกฤษ)

 

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม ปี 2548 ภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาคือ พายุเฮอริเคนแคททรีนาความเร็ว225 กม.(140 ไมล์/ชม.) พัดเอาคลื่นน้ำที่สูง 9 เมตร (30ฟุต) เข้าถล่มมลรัฐมิสซิสซิปปี้ หลุยส์เซียน่า และอลาบาม่า บ้านเรือนมากมายที่อยู่ตามชายฝั่งถูกลมพายุที่ร้ายแรงพัดถล่มจนพังทลายไปหมด ระหว่างลมพายุครั้งนี้สิ่งที่ทำให้เสียหายที่สุดคืออุทกภัย คันกั้นน้ำของเมืองหลุยส์เซียน่า กับเมืองนิวออร์ลีนส์ ไม่เพียงถูกคลื่นยักษ์ซัดจนพังหมดภายในไม่กี่ชม. 80% ของพื้นที่ในตัวเมืองเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

 
การเตรียมพร้อมล่วงหน้าของท่านอาจารย์ช่วยงานได้มาก
 

ปี 2539 ท่านอาจารย์ได้แนะนำศูนย์ทั่วโลกอย่างมั่นใจว่า ท่านเสนอให้เพื่อนบำเพ็ญเข้าร่วมการฝึกกู้ภัย และให้เพิ่มจำนวนวิทยุสื่อสารกับอุปกรณืในการช่วยเหลือกู้ภัย ขณะนั้น ศูนย์ในสหรัฐหลายแห่งได้ทำตามคำแนะนำของท่าน และการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ได้ถูกนำมาใช้กับการช่วยเหลือกู้ภัย พายุเฮอริเคน แคททรีน่าพอดี เป็นต้นว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถส่งรับสัญญาณด้วยมือถือได้ ในขณะที่ทำการกู้ภัยอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องหันมาใช้วิทยุสื่อสารติดต่อแทน จึงสามารถติดต่อกันได้

สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงคือ ก่อนที่ลมพายุจะมาถล่ม 2 วัน คือวันที่ 27 สิงหาคม ท่านอาจารย์ได้แนะนำศูนย์ต่าง ๆทั้งหมดด้วยความรักว่า ต่อไปถ้าหากเกิดภัยพิบัติที่ไหน ต้องไปรายงานกับศูนย์กลางและขอความช่วยเหลือด้วย

 

ครอบครัวกวนอิม ก่อตั้งคณะกู้ภัยอย่างเร่งด่วน

เมื่อเห็นสภาพพังพินาศในสถานที่เกิดเหตุบนจอโทรทัศน์ ศูนย์ ฟลอริดา กับศูนย์ฮูสตัน จับมือร่วมกันเพื่อทำการช่วยเหลือทันที ขณะที่ลมพายุกำลังถล่มเมืองมิสซิสซิปปี้ รีบส่งกลุ่มงานที่ทำการสำรวจ ออกจากเมืองฟลอริดาทันที ระหว่างทางกลุ่มงานสำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์ฟลอริดาว่า มีศิษย์ผู้พี่ชายท่านหนึ่งอาศัยอยู่ที่ท่าเรืออ่าวกัลฟ์พอร์ต และสถานที่ดังกล่าวเป็นทางเดินของลมพายุพัดผ่าน เนื่องจากความแรงของลมพายุสูงถึงระดับ 5 (250 กม.ต่อชม.)โทรศัพท์ของศิษย์ผู้พี่ชายท่านนี้ก็ขาดด้วย ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ว่าจากการค้นหาที่อยู่บน อินเตอร์เนต ก่อนที่เข้าสู่เขตเมือง คณะกู้ภัยได้ที่อยู่ของศิษย์ผู้ชายผู้นี้มาทันท่วงที

วันที่ 31 สิงหาคม คืนวันพุธ เพื่อนบำเพ็ญที่เมือง Olrio กับเมือง Unfortunately 3 คนรวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ใช้รถบรรทุกขนาดเล็ก บรรทุก ขนมปัง แซนวิช แยมถั่วลิสง น้ำ กระบอกไฟฉาย ผ้าอ้อม ผ้าเช็ดตัวเด็ก ของใช้สตรีกับสิ่งของอื่นๆ ออกเดินทางไปช่วยเหลือที่เมืองหลุยส์เซียนาอย่างเร่งด่วน

 
กองบัญชาการช่วยเหลือกู้ภัยชั่วคราว คณะกู้ภัยอยู่ที่หน้าบ้านศิษย์ผู้พี่ชายเขตท่าเรืออ่าวทะเล นำสิ่งของใส่หีบห่อเตรียมนำออกไปแจกจ่าย

 

เพื่อนบำเพ็ญใช้เทคโนโลยีชั้นสูงร่วมกันช่วยเหลือกู้ภัย

ขณะที่คณะกู้ภัยชุดแรกลงมือทำการช่วยเหลือ เพื่อนบำเพ็ญที่เมืองฟลอริดา โอเรกอน เวอร์จิเนีย เท็กซัส แมรี่แลนด์ โอไฮโอ อินเดียนา รีบเข้าร่วมคณะช่วยเหลือแจกจ่ายสิ่งของทันที รวมแล้วมีเพื่อนบำเพ็ญที่มาจาก 14 เมืองจำนวน 100 กว่าคนที่เข้ารวมงานแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือครั้งนี้

 

พายุไต้ฝุ่นแคทลีน่า (ลายเส้นสีเหลือง) กับเพื่อนบำเพ็ญจากมลรัฐต่าง ๆที่มาช่วยเหลือ (ลายเส้นสีกาแฟ)

ในเขตที่มือถือไม่สามารถติดต่อได้ การติดต่อกันระหว่างเพื่อนบำเพ็ญจึงมีอุปสรรค กลุ่มกู้ภัยที่ 1 มีมือถืออยู่ 6 เครื่อง แต่รับข่าวสารไม่ได้ โชคดีที่มีศิษย์ผู้พี่ชายท่านหนึ่งได้ทำข้อมูลติดต่อลงใน อินเตอร์เน็ต ก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้น เขารีบเปลี่ยนเป็นเว็ปไซต์การแลกเปลี่ยนข้อมูลการแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือกู้ภัย เพื่อให้กลุ่มช่วยเหลือต่าง ๆป้อนข่าวสารใหม่ล่าสุด

ทางคณะกู้ภัยได้นำ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ไปด้วย ใช้ตรวจสอบข่าวสารโดยผ่านทาง อินเตอร์เน็ต ได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างการแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อนบำเพ็ญได้รับแผนที่ดาวเทียมของลมพายุกับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่พักของผู้ประสบภัย เพื่อจะได้ทราบเหตุการณ์ในสถานที่เกิดเหตุได้ตลอดเวลา

เครื่องมือเทคโนโลยีอีกชนิดหนึ่ง—ภาพระบบที่ตั้งของดาวเทียมทั่วโลก (GPS สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของโลกมากมายได้อย่างแม่นยำกับการเทียบเวลาได้อย่างถูกต้อง) ได้ช่วยเหลืองานแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่เขตท่าเรืออ่าวทะเลกับ(Biloxi)ป้ายถนนถูกลมพายุพัดล้มหมด ดังนั้น เพื่อนบำเพ็ญคณะกู้ภัยใช้เครื่องรับ GPS ที่พกพาสะดวกมาต่อกับมือถือ เพื่อค้นหาสถานที่ที่ตั้งได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ พวกเขายังได้ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ GPS เพื่อบอกสถานที่ที่จะเดินทางกลับ หลายปีที่ผ่านมาจากการช่วยเหลือกู้ภัยของเพื่อนบำเพ็ญชาวสหรัฐ ครั้งนี้เป็นครั้งที่นำเอา เทคโนโลยี มาใช้กันอย่างหลากหลายเต็มที่

 

การจัดการที่ยอดเยี่ยมของท่านอาจารย์

 

วันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของลมพายุที่มาถล่ม ทั่วโลกต่างทราบข่าวที่น่ากลัวครั้งนี้ เมืองนิวออร์ลีนจมอยู่ใต้น้ำทะเลเกือบทั้งหมด มีประชากรประมาณ 1 แสนคนที่ตกอยู่ในสภาพอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น เพื่อนบำเพ็ญรับจัดตั้งคณะกู้ภัยขึ้นมาเป็นกลุ่มที่ 2 และจัดตั้งค่ายช่วยเหลือภัยพิบัติขึ้นที่ Baton Rouge เป็นที่น่าเสียดายคือ ถนนต่าง ๆที่สู่ทางเมืองนิวออร์ลีนถูกตำรวจปิดไว้หมด คณะกู้ภัยพยายามจะขอเข้าไปสถานที่เกิดเหตุหลายครั้ง แต่ถูกขัดขวางไว้ แต่พวกเขาก็ไม่ท้อถอย ค้นหาทางเข้าอื่น ๆจากแผนที่บนอินเตอร์เน็ตต่อไป  เพื่อนบำเพ็ญอธิษฐานขอเงียบๆ กับท่านอาจารย์ และอธิบายเหตุผลที่จะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุให้ตำรวจฟัง

เนื่องจากการจัดการที่ยอดเยี่ยมของท่านอาจารย์ มีศิษย์ผู้พี่หญิงท่านหนึ่งเสียสละเวลารักษาโรคมะเร็ง นำเอาบัตรสมาชิกสภากาชาดของเธอมา ดังนั้น คณะกู้ภัยของสมาคมนานาชาติของอนุตราจารย์ชิงไห่ จึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุได้ ต่อมาศิษย์ผู้พี่หญิงท่านนี้กล่าวว่า เธอได้ทำตามคำเสนอของท่านอาจารย์ในปี 2539 ไปสมัครเรียนวิธีการผายปอดกับปั๊มหัวใจและวิธีช่วยเหลือปัจจุบันทันด่วน จึงได้รับใบประกาศกับบัตรสมาชิกสภากาชาดมา ถ้าไม่ได้คำแนะนำป้องกันของท่านอาจารย์ในปีนั้น ศิษย์ผู้พี่หญิงก็ไม่มีบัตรสมาชิก ถ้าไม่มีบัตรสมาชิก การทำหน้าที่ช่วยเหลือเมืองนิวออร์ลีนที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ก็คงยุ่งยากมาก

เมื่อคณะกู้ภัยได้เข้าสู่เมืองนิวออร์ลีนการช่วยเหลือมุ่งไปที่เมืองมิสซิสซิปปี้สู่ใจกลางสถานที่เกิดเหตุ ดังนั้น คณะกู้ภัยได้ก่อตั้งศูนย์บัญชาการช่วยเหลือกู้ภัยขึ้นที่โรมแรมแห่งหนึ่งในเมือง Baton Rouge ต่อจากนั้นอีก 2 วัน คณะกู้ภัยได้ไปที่สนามกีฬา เมืองนิวออร์ลีนแจกจ่ายน้ำดื่ม น้ำแข็ง อาหารกับของใช้จำเป็นอื่นๆให้กับผู้ประสบภัย 3,000 กว่าคน

 

เพื่อนบำเพ็ญยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ประจำทางเมืองนิวออร์ลีนเห็นผู้ประสบภัยหลายร้อยคนนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกมาจากสนามกีฬากำลังเข้าแถวเตรียมขึ้นรถไปต่อที่เมืองอื่น จึงรีบเข้าไปแจกจ่ายน้ำดื่มกับสิ่งของอื่นๆ

 

เช้าวันศุกร์ที่ 2 กันยายน เพื่อนบำเพ็ญที่มาจากเมืองโอเรกอน ลอสแองเจลิส เคนตั๊กกี้ พากันมาถึงสถานที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลืองานกู้ภัย เมื่อได้รับอนุญาตจากร้านค้าใหญ่ Wal-mart แล้ว คณะกู้ภัยจึงใช้สถานที่จอดรถของห้างเป็นที่จัดสิ่งของหีบห่อมีสิ่งของช่วยเหลือ 400ห่อ กับน้ำดื่มที่จัดการหุ้มห่อแล้ว เนื่องจากอากาศในพื้นที่ร้อนเกิน 38 องศาเซ็นเซียส (เท่ากับ100 ฟาเร็นไฮต์) ดังนั้น เพื่อนบำเพ็ญจึงได้สั่งซื้อน้ำแข็งกับไอศกรีม อีก 1,100 ชุด นำไปยังสถานที่เกิดเหตุ

 
คณะกู้ภัยใช้สถานที่จอดรถของร้านค้า Wal-Mart ทำการจัดสิ่งของช่วยเหลือเป็นหีบห่อและจัดน้ำดื่มที่จัดการหุ้มห่อแล้ว
 

ขณะที่กำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อนบำเพ็ญได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวสถานีโทรทัศน์ นิตยสารข่าวสารอันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา (ข่าวสหรัฐอเมริกากับการรายงายข่าวสารทั่วโลก) ได้ลงภาพข่าวเพื่อนบำเพ็ญคณะกู้ภัยขณะทำการช่วยเหลือยู่

อาสาสมัครคนหนึ่งส่งน้ำให้กับผู้ประสบภัยลมพายุไต้ฝุ่นรับด้วยความขอบคุณยิ่ง  ผู้ประสบภัยเหล่านี้อยู่รอบนอกของเมืองนิวออร์ลีน ถนน Metairie สาย 10 เพื่อรอรถประจำทาง ลงข่าวโดยข่าวสหรัฐอเมริกากับการรายงานข่าวทั่วโลก
 

สถานที่เขตพักชั่วคราวของ Super dome เสียหายหนักมาก ที่นั่นแม้จะมีทหารตำรวจกับเจ้าหน้าที่สื่อสารอยู่หลายร้อยกองพัน แต่กลับไม่สามารถให้บริการอาหารกับน้ำให้แก่ผู้ประสบภัยได้

ดังนั้น ผู้ประสบภัยบางคนมีอาการหนักปางตาย บ่ายวันที่ 1 กันยายน นายกเทศมนตรีเมืองนิวออร์ลีนส์ได้ออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ ภาพข่าว (CNN) ขอความช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยที่พักอยู่ที่ Super dome ขณะนั้น ผู้ที่สามารถให้การช่วยเหลือด้านอาหาร มีเพียงคณะกู้ภัยเพื่อนบำเพ็ญเท่านั้น

วันรุ่งขึ้น หน่วยงานรัฐ กองทัพช่วยโลกกับหน่วยงานอื่น ๆ ได้ใช้รถบรรทุกเอาอาหารกับน้ำมาส่งให้กับสถานที่พักชั่วคราวแห่งนี้ ดังนั้น เพื่อนบำเพ็ญจึงได้ย้ายศูนย์บัญชาการช่วยเหลือกู้ภัยกลับมาที่ท่าเรืออ่าวทะเลอีก ในพื้นที่ยังมีประชาชนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในเขตคนยากจนไม่สามารถจะขนย้ายออกไปได้ และตกอยู่ในสภาพ ขาดน้ำ ขาดไฟ ขากอาหาร ดังนั้น จากวันที่ 3-8 กันยายน คณะกู้ภัยได้ทำงานช่วยเหลือต่อไป จนกว่าในพื้นที่มีการจัดตั้งหน่วยแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน ระหว่างนั้น คณะกู้ภัยได้ไปที่ (Biloxi)(Gulfport)(Pass Christian)(Bay St. Louis) (Wayeland) สถานที่ต่าง ๆ เพื่อแจกจ่ายอาหารกับของใช้จำเป็นให้กับผู้ประสบภัย 3,900 ครอบครัว ในจำนวนสิ่งของดังกล่าว เป็นน้ำดื่ม 37,460 ขวด

 
เพื่อนบำเพ็ญไปที่เขตสลัมของท่าเรือ ผู้ประสบภัยวิ่งกรูกันมาขอสิ่งของช่วยเหลือ
 
หลังจากทหาร สภากาชาดสหรัฐกับกองทัพช่วยโลกเดินทางมาถึงรัฐมิสซิสซิปปี้ ในพื้นที่จึงได้เริ่มจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายสิ่งของขึ้นมากมาย และสถานที่เหล่านี้ก็เริ่มมีไฟฟ้าใช้เป็นปกติ ดังนั้น คณะกู้ภัยเริ่มถอยกลับจากท่าเรือ (Gulfpart) ในวันที่ 8 กันยายน
 

ปลอบขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยหลังเกิดเหตุร้าย

 

ขณะเดียวกัน ผู้ประสบภัยที่เมืองนิวออร์ลีนเริ่มขึ้นรถประจำทาง เพื่อกระจายไปยังเมือที่อยู่ใกล้เท็กซัส ดังนั้น ศูนย์ดัลลัสกับฮุสตันได้จัดตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับจิตวิญญาณขึ้นมาหลายคณะ เพื่อไปปลอบขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยที่ไร้ที่อยู่ จิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก พร้อมนำเอาความรักความหวังของท่านอาจารย์ไปมอบให้กับพวกเขาด้วย

 

ผู้ประสบภัยคนหนึ่งอ่านธรรมสารแล้วกล่าวว่า "มีอาจารย์ก็ต้องมีศิษย์ มิน่าล่ะบุคคลกลุ่มนี้จึงมีความรักถึงขนาดนี้

ศิษย์ผู้พี่ชายคนหนึ่งนำเอาอาหารไปปลอบใจให้กับเด็กที่ขาดการติดต่อจากพ่อ แม่
ในสถานที่เกิดเหตุ
 

ที่ดัลลัสหน่วยงานจิตวิญญาณของสมาคมนานาชาตินำเอาของขวัญจากความรักส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยที่ถูกโยกย้ายไปพักที่สนามกีฬา (Reunion Arena) กับศูนย์กลางประชุม ผู้ประสบภัยชอบถุงเท้าใหม่กับชุดชั้นใน คณะทำงานยังไปช่วยทำอาหารให้กับสภากาชาด และการแพทย์กับงานเอกสารต่าง ๆ

หัวหน้าสภากาชาดสหรัฐประจำเมืองฮุสตัน คุณ Ercel Albert รับผิดชอบดูแลสถานที่พักชั่วคราวผู้ประสบภัยเขตเมืองฮุสตัน เธอจัดให้คณะทำงานด้านจิตวิญญาณของสมาคมนานาชาติไปเยี่ยมสถานที่พักชั่วคราวหลายแห่ง เมื่อเธอเห็นเพื่อนบำเพ็ญนำเอาถุงของขวัญจากความรักมามากมาย จึงขอร้องให้พวกเราให้ส่งไปให้กับศูนย์สภากาชาดสัก 2-3 ร้อยถุง เพราะที่นั่นจะมีผู้ประสบภัยมากมายทยอยมาขออาศัยพักชั่วคราว สภากาชาดตามปกติจะไม่รับของบริจาคอาหารกับสิ่งของต่าง ๆ การขอร้องในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน เพื่อนบำเพ็ญจึงรีบไปจัดซื้อสิ่งของ และแบ่งจัดเป็น 6,000 ชุด ประกอบด้วยน้ำขวด อาหารว่างที่มีธาตุบำรุง กับของใช้จำเป็นส่วนตัวโดยจัดเป็นห่อของขวัญ วันรุ่งขึ้น เพื่อนบำเพ็ญจำนวนมากที่เดินทางมาจากเมืองอื่นๆทยอยมาถึงศูนย์ฮุสตัน พวกเขาไปเยี่ยมสถานที่พักชั่วคราวกับศูนย์กลางประชุมในพื้นที่ และได้มอบของขวัญให้หลายพันถุง

จากนั้นในวันที่ 4 กันยายนมีเพื่อนบำเพ็ญประมาณ 30 กว่าคน เดินทางไปที่รอบนอกของสถานที่พักชั่วคราวของผู้ประสบภัย ประมาณ หนึ่งหมื่นคน ที่สนามกีฬา (Superdome) เมืองฮุสตันเพื่อมอบของขวัญให้กับครอบครัวที่อยู่ต่างหากกับญาติ ผู้ประสบภัยมากมายเมื่อเห็นเพื่อนบำเพ็ญที่เต็มไปด้วยความรัก ต่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่

 
รองสารวัตรเมืองฮุสตัน คุณ Dennis Murphy ถ่ายรูปกับกลุ่มศิษย์พี่หญิง

นอกจากนี้ ตำรวจรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่ อนุญาตให้เพื่อนบำเพ็ญเข้าเขตหวงห้ามบางแห่ง ต่อมาเพื่อนบำเพ็ญคณะกู้ภัยสามารถเข้าไปในสนามกิฬา (Superdome) ได้ เพื่อมอบของขวัญกับน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยด้วยมือตัวเอง ช่างมหัศจรรย์จริงๆ! ภายในสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่มหึมาแห่งนี้ เต็มไปด้วยเตียงทหาร พวกเราเห็นคุณแม่มากมายนั่งอยู่ข้างเตียงเลี้ยงลูกน้อยอยู่ และเห็นคนชราที่นั่งรถเข็นกับผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อพวกเขาได้รับของขวัญที่มีรูปถ่ายขนาดเล็กของท่านอาจารย์ สีหน้ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที บางคนยังคุยสนุก หัวเราะกันไปกับเพื่อนบำเพ็ญ พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณเพื่อนบำเพ็ญหลายต่อหลายครั้ง

 

 

 


ผู้ประสบภัยจำนวนเป็นหมื่นที่พักอยู่ในสนามกีฬาที่เมืองฮุสตัน

นอกจากนี้ เพื่อนบำเพ็ญจากศูนย์เพ็นซิลวาเนียเข้าเยี่ยมกองทัพโลก (Salvation Army) ที่ตั้งอยู่บนถนน EI Paso และมอบผ้าอ้อม อาหารทารก นมผงเด็ก กระดาษเขียนหนังสือ ปากกา ชุดชั้นใน อาหารว่างกับผ้าขนหนูต่าง ๆเป็นต้น ผู้รับผิดชอบกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานนี้ต่างดีใจและกล่าวว่า สิ่งของเหล่านี้สำหรับผู้ประสบภัยแล้วเป็นบุญคุณที่ใหญ่หลวงมาก เพราะพ่อแม่ลูกอ่อนส่วนมากต้องการผ้าอ้อมกับอาหารเด็กมาก
 
เรื่องเล็กน้อยที่ซาบซึ้งใจ
 
 
 
เพื่อนบำเพ็ญศูนย์เพ็นซิลวาเนียส่งสิ่งของไปช่วยเหลือที่กองบัญชาการทหารโลก

 

ประสบภัยมากมายเมื่อได้รับของขวัญจากความรักของท่านอาจารย์ ได้แบ่งปันเรื่องซาบซึ้งใจที่ประสบกับตัวเองให้กับเพื่อนบำเพ็ญฟัง ต่อไปเป็นเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง 2-3 เรื่อง : คุณยาย Brenda ทบทวนความจำว่าขณะที่เกิดน้ำท่วม เมื่อน้ำท่วมมิดศีรษะเธอต้องหนีไปอยู่บนชั้นสูงสุดที่บ้านและถูกขังอยู่ที่นั่นนานถึง 22 ชม. ข้างตัวไม่มีอาหารและน้ำ จนกระทั่งหน่วยงานรัฐมาทำการขนย้ายไปที่อื่น เธอไม่ได้รับข่าวสารจากสามีเลยเป็นห่วงความปลอดภัยของเขามาก เธอได้สัมผัสกับพลังพรที่ท่านอาจารย์ให้มาด้วยความรัก และกล่าวว่า ”ขอบคุณพระเจ้าที่ให้พี่น้องอย่างพวกคุณมาทำงานที่สูงส่งในสถานที่นี้”

 

ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมีลูกที่มีอายุ 3 ขวบ 4 ขวบกับ 9 ขวบรวม 3 คน พร้อมหลานชายที่มีอายุ 16 ปี หนีออกจากบ้านคืนวันที่ลมพายุไต้ฝุ่นมาถล่ม เพราะน้ำได้ท่วมเข้าบ้านพวกเขา ขณะนั้นพวกเขาแบกเอาเด็กเล็กเดินย่ำน้ำ เดินมาหลบภัยที่บนสะพานซึ่งอยู่ห่างจากบ้าน 3 เส้นถนน สมาชิกครอบครัวทั้ง 6 คนนอนอยู่ที่ข้างสะพาน ไม่มีของใช้อะไรเลยแม้แต่ที่นอนที่ให้ความอบอุ่นและแห้งก็ไม่มี ทั้งครอบครัวขอบคุณท่านอาจารย์มอบของขวัญที่มีค่าเหล่านี้ให้กับพวกเขาได้ทันเหตุการณ์ปลอบใจพวกเขา ลูกสาวคนเล็กอายุ 3 ขวบ ลิสา ได้หอมแก้มเพื่อนบำเพ็ญอย่างอ่อนโยน และกอดพวกเขาอย่างตื้นตันใจไม่อยากให้พวกเขาจากไป

 
ผู้ให้มีบุญมากกว่าผู้รับ
 

หลังจากทำหน้าที่แจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือเสร็จแล้วเพื่อนบำเพ็ญคณะกู้ภัยเดินทางกลับอย่างมีความสุข ทุกคนต่างได้สัมผัสกับพลังที่ยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ทุกแห่งของท่านอาจารย์ ที่ให้ความคุ้มครองตลอดเวลา ดูแลพวกเรา ความรักอันประเสริฐของท่านอาจารย์ทุกคนต่างรำลึกอยู่ในใจ ทำให้พวกเรามีความรู้สึกต่อผู้ประสบภัยเหมือนภัยได้เกิดขึ้นกับตัวเอง และสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ทั้งหมด โดยไม่สนใจร่างกายที่เหนื่อยล้ากับมลภาวะต่างๆ นำพาความรักของพระเจ้า มอบสิ่งของช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัย ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เป็นตัวอย่างให้กับพวกเรา สอนให้พวกเราทำดีและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ผู้ให้มีบุญมากกว่าผู้รับ พวกเราเป็นผู้ที่โชคดีที่สุด มีความสุขที่สุดในโลกนี้ เพราะพวกเรามีท่าน---ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ

 

ผู้ประสบภัยคนหนึ่งมือถือสิ่งของช่วยเหลือกล่าวอย่างซาบซึ้งคุณว่า "ขอบคุณท่าน! อนุตราจารย์ชิงไห่"
 

ขอให้แสงแห่งความรักของพระเจ้าโชติช่วงชัชวาลทั่วทั้งโลก

 
รายการโทรทัศน์ "ศิลปะกับจิตวิญญาณ" บนอินเตอร์เนต รายการบันเทิงครั้งที่ 159-161  ได้บันทึกเพื่อนบำเพ็ญ 14 มลรัฐแห่งสหรัฐอเมริการ่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือ เป็นการรายงานสดกับการปราศรัยอย่างยอดเยี่ยมของท่านอาจารย์  ยินดีต้อนรับเข้าสู่เวบไซด์เรา :
http://www.godsdirectcontact.org/tw/eng/hichannel/index.htm (ภาษาอังกฤษพร้อมบรรยายภาษาจีน)
 
GDC.ORGTW
GDC.US
Hi-channel
159
161
 
 

โปรดเยี่ยมชมเว็บไซด์ต้นฉบับที่  http://www.alertnet.org/thenews/pictures/GUL03D.htm
 

จิตวิญญาณที่กระหายได้รับการปลอบโยนทั้งกาย ใจ

รายงานโดยกลุ่มข่าวนิวยอร์ค (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน, อังกฤษ)

 

จากการสำรวจรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ เดือนกุมภาพันธ์ปี 2548 เพียงเมืองนิวยอร์กก็มีผู้พเนจร 36,166 คนเข้าพักอาศัยยังสถานที่พัก ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็ก 14,884 คน ปีที่ผ่านมาจำนวนผู้พเนจรในเมืองนิวยอร์กสูงสุด และจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมจำนวนผู้ที่พักตามถนน สถานที่พักแม้จะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลกับเอกชน แต่การช่วยเหลือทางสิ่งของไม่สามารถเทียบกับการปลอบโยนทางด้านจิตใจ พวกเราสังเกตว่าความรักความเอาใจใส่ การให้เกียรติทางด้านจิตใจเป็นสิ่งที่ผู้พเนจรต้องการอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปีนี้ เพื่อนบำเพ็ญนิวยอร์กเดินทางไปที่บ้านปีเตอร์ [Peter’s Place] บริการอาหารมังสวิรัติแด่ผู้พเนจร สถานที่พักแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อผู้พเนจรที่มีอายุตั้งแต่ 55-85 ปี เพื่อเป็นการบริการที่ดี ก่อนที่เพื่อนบำเพ็ญจะเตรียมอาหารมังสวิรัติ เดินทางไปทราบรายการอาหารแต่ละสัปดาห์ที่สถานที่พักก่อน พวกเราเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถให้บริการผลไม้กับผักสดสีเขียว และจำนวนผู้พเนจรก็มีคนป่วยเป็นโรคเบาหวานกับโรคความดันโลหิตสูง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เพื่อนบำเพ็ญกลุ่มทำครัวได้จัดรายการอาหารที่มีไขมันต่ำ สารอาหารสมดุล สีสันรสเลิศครบครัน

ในวันนั้นขณะกำลังทานอาหารกันทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นแปลกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าอาหารเจสามารถทำได้อร่อยอย่างนี้ หัวหน้าทำครัวในสถานที่พักสนใจอาหารเจมาก สอบถามวิเคราะห์วิธีการปรุงอาหารเจกับศิษย์ผู้พี่หญิงกลุ่มทำครัวอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้ก็เข้าใจท่านอาจารย์มากขึ้น ขณะที่กำลังให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม พวกเราก็เปิดวีดีโอเทปของท่านอาจารย์ด้วย หลายคนถามว่า: ”ท่านเป็นอาจารย์พวกท่านหรือ? ท่านสวยมาก !” “ปัจจุบันท่านอยู่ที่ไหน?””วันนี้ท่านมาไหม?” มีสตรีท่านหนึ่งกล่าวว่า :“ข้าฯสามารถสัมผัสกับแรงสั่นสะเทือนของท่านอาจารย์บนจอโทรทัศน์ !”และบอกว่าเธอเป็นชาวอิสลามในอดีตเคยเป็นนักมังสวิรัติ วันนั้นหลังจากชมวีดีโอเทปท่านอาจารย์แล้ว เธอคิดอยากจะทานมังสวิรัติอีก ผู้พเนจรอีกท่านหนึ่งเพียงดูการแนะนำท่านอาจารย์ย่อๆ ก็รีบสอบถามเกี่ยวกับท่านอาจารย์และข้อมูลข่าวสารในการบำเพ็ญเกือบจะลืมอาหารที่แสนอร่อยที่วางอยู่ต่อหน้า

จากการให้พรของท่านอาจารย์ หลังอาหารแล้วผู้พเนจรต่างกล่าวว่า: ”พวกเราไม่เคยทานอาหารที่อร่อยอย่างนี้ เมื่อทานแล้วก็ไม่หนักท้อง” พวกเขากล่าวขอบคุณเพื่อนบำเพ็ญแต่ละคน และให้พวกเราขอบคุณท่านอาจารย์แทนพวกเขาด้วย จากการจัดงานในครั้งนี้ พวกเราจึงเข้าใจว่าตัวเองช่างโชคดีจริงๆ มีโอกาสมาใช้คำสอนของท่านอาจารย์ สัมผัสกับความสุขอย่างแท้จริงจากการให้บริการ ความจริงควรขอบคุณพวกเขาต่างหาก

จากการจัดงานบริการอาหารมังสวิรัติให้กับบ้านปีเตอร์ พวกเรานำเอาพรกับความรักของท่านอาจารย์ไปให้กับผู้พเนจร เพื่อให้พวกเขาทราบว่าสังคมไม่ได้ลืมพวกเขา ในสายตาพระเจ้า พวกเขาก็มีความพิเศษของตัวเองเหมือนกับคนอื่น ๆ ดังคำพูดของหัวหน้าทำครัวของสถานที่พักที่กล่าวว่า :”ในอดีตข้าพเจ้าเคยมีงานที่ดีกว่านี้ แต่มาทำงานที่นี่ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นสุข ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีพลังอย่างหนึ่งที่นำข้าพเจ้ามาบริการพวกเขาที่นี่” ช่างเป็นคำพูดที่มาจากจิตวิญญาณ !