Master Says

บำเพ็ญได้สูงนำมาซึ่งบุญกุศลที่สมบูรณ์

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ที่ศูนย์ซีหู เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2534 (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน) รหัสวีดิทัศน์ # 183

สิ่งต่างๆ ในโลกนี้มันไม่ใช่เป็นของพวกเรา แม้พวกเราจะได้ทำความดีไว้ ก็ไม่ใช่เป็นของพวกเรา ผู้สร้างโลกได้จัดการไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เมื่อพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งแล้ว ก็จะไม่มีคำว่า ตัวฉัน อีก เพราะพวกเราทราบดีว่า ทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้าเป็นผู้จัดการไว้แล้ว

พวกเธออาจจะถามอาจารย์ว่า ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้าเป็นผู้จัดการไว้แล้ว ทำไมพระเจ้าจึงได้จัดการให้พวกเราพบกับอุปสรรคอยู่บ่อยๆ? ทำไมพวกเราขออย่างนี้ กลับได้รับอีกอย่าง? ขอสิ่งที่ดี กลับได้รับสิ่งที่ไม่ดี?” คำตอบก็คือ เพราะสิ่งต่างๆ ในโลกนี้มีดีและไม่ดี มีดำ มีขาว ต้องดูมือของพวกเรา ยื่นไปที่ไหน ก็จะจับได้สิ่งนั้น

เหมือนกับพวกเรามองดูร่างกายใครคนหนึ่ง แม้จะเป็นคนสวย โครงสร้างร่างกายเธอก็เหมือนกับคนอื่น ถ้าพวกเราไปจับเอาขาของเธอ ก็จะเห็นว่า ขาของเธอก็เหมือนกับขาของคนอื่น จะไปเหมือนกับมือไม่ได้ และไปเหมือนกับปากไม่ได้ ถ้าพวกเราคิดจะมองหรือจูบปากของเธอ ก็ต้องเลื่อนขึ้นไปข้างบนสักนิด แต่ว่า ถ้าพวกเราคิดจะจูบขาของเธอ ก็ต้องเลื่อนลงมาข้างล่างหน่อย แน่นอน ขาของคนสวยย่อมสวยกว่าคนที่ไม่สวย แต่ว่าต่อให้สวยเพียงไร ก็เป็นขาเหมือนกัน

ยิ่งบำเพ็ญได้สูงบุญกุศลก็ยิ่งสูง

พวกเราบำเพ็ญก็คล้ายๆ กัน เมื่อพวกเราบำเพ็ญขึ้นไปดินแดนที่สูงหน่อย ก็จะได้สิ่งของที่สูงส่ง เมื่อนั้น สิ่งที่พวกเราต้องการ ก็เป็นของที่ดีเลิศทั้งสิ้น แม้จะไม่ระมัดระวัง ก็ยังได้สิ่งที่สูงส่ง เมื่อพวกเรายังบำเพ็ญไปไม่ถึงที่สูง แม้จะระมัดระวังอย่างมาก ขยันมาก คิดอยากได้ของที่ดี ก็เอื้อมไม่ถึง แต่กลับได้แต่ของที่เลวมาก

เป็นต้นว่า ในโลกนี้มีคนจน และมีคนรวย คนจนต่อให้ประหยัดเพียงไร ก็ประหยัดเงินได้ไม่มาก ไม่ว่าเขาจะคิดใส่เสื้อผ้าสวยงาม สูงส่งเพียงไร ก็ไม่ได้ หรือเขาคิดอยากจะกินอาหารที่อร่อย คิดอยากมีภาชนะที่สวยงามหรู ก็ไม่สามารถได้มา แต่สำหรับพระราชาหรือคนรวยแล้ว เขาเพียงแต่เปิดตู้ออกมา หลับตาหยิบเอา ก็สามารถหยิบเอาแก้วหรือภาชนะที่ดีได้ เขาไม่มีของไม่ดีที่จะหยิบ แต่ว่า คนจนต่อให้ระมัดระวัง ตั้งใจคิดจะเอาของดีจากในบ้าน ก็เอาไม่ได้ เพราะในบ้านของเขาไม่มีสิ่งของที่ดีเลย

ดังนั้น คนที่ไม่บำเพ็ญ มักจะคิดอยากได้สิ่งของมากมาย ยิ่งไม่บำเพ็ญ ชีวิตยิ่งลำบาก ยิ่งคิดอยากจะได้สิ่งของที่ดีทุกวัน พวกเขาจะอธิษฐานขอสิ่งนี้ อธิษฐานขอสิ่งนั้น ต้องการสิ่งนี้ ต้องการสิ่งนั้น แต่ก็ไม่ได้ เพราะพวกเขาอยู่ใน บ้านที่ยากจน แล้วจะได้ของดี ได้ของสูงส่งอย่างไร? พวกเธออาจพูดกับอาจารย์ว่า แม้เขาจะยากจน แต่ที่บ้านเขามีของวิเศษอยู่อย่างหนึ่ง หรือเป็นของเก่าที่สืบทอดกันมา ถ้าเช่นนั้น! ถ้ามีจริง ก็อาจมีเพียงอย่างสองอย่างเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ ที่ในบ้านจะมีแต่ของดี ถ้าในบ้านมีแต่ของดี ก็ไม่ใช่บ้านคนจนแล้ว

ในทำนองเดียวกัน คนที่ไม่บำเพ็ญ แม้บางครั้งได้อธิษฐานขอ แล้วก็อาจได้สิ่งของที่ดี แต่ก็ไม่ได้บ่อยๆ ตรงกันข้าม คนบำเพ็ญ แม้จะไม่ได้อธิษฐานขอ ชีวิตก็จะอยู่อย่างสุขสบาย ดีทุกๆ ด้านเลย จะได้ของดีบ่อยๆ ยิ่งบำเพ็ญได้สูง ของที่ได้มาก็ยิ่งมีค่าและสูงส่ง

พลังจากการบำเพ็ญดีกว่าผู้ชำนาญวิชาการ

คนทางโลกถ้าไม่ได้บำเพ็ญ พวกเขาไม่ว่าจะวาดภาพ ร้องเพลง หรือบรรเลงดนตรีต่างๆ เป็นต้น แม้บางคนอาจมีดีเด่นบ้าง แต่ว่า ผลงานเหล่านั้นก็จะส่งบรรยากาศที่หยาบ พวกเราจะสัมผัสได้ เพราะคนที่ไม่บำเพ็ญ จะมีความคิดของปุถุชนและมีทุกข์เป็นประจำ พวกเขาไม่สามารถยกระดับขึ้นไปสู่ชั้นสูงได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถแสดงออกถึงความคิดของดินแดนที่สูงได้

พวกเราบำเพ็ญ แม้จะไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับความรู้ความชำนาญหรือเทคนิคอะไร แต่ว่าถ้าพวกเราต้องการจะทำ ก็สามารถทำได้ดีมาก เพื่อเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดแจ้ง ดังนั้น ท่านสังฆปรินายก แม้จะไม่มีความรู้ และไม่เคยอ่านพระสูตรใด แต่ว่าไม่พระสูตรอะไร เมื่ออ่าน ท่านฟังแล้ว ท่านจะเข้าใจทันที และสามารถอธิบายให้คนอื่นฟังได้ ตรงกันข้าม บางคนแม้จะมีความรู้มาก พระสูตรก็เคยอ่าน กระทั่งสามารถท่องได้ แต่ไม่สามารถเข้าใจว่า ในพระสูตรพูดอะไรบ้าง

เมื่ออาจารย์เล่นเปียโน ศิษย์ผู้พี่ชายคนหนึ่งพูดกับอาจารย์ว่า อาจารย์บรรเลงเพลงที่ยุคนี้กำลังนิยม อาจารย์บอกว่า อาจารย์ไม่มียุคไหน อาจารย์ไม่เคยเรียนอย่างละเอียดมาก่อนเลย ยิ่งเรียนมาก ยิ่งถูกมัดอยู่กับ วิธีการทั่วไป เป็นต้นว่า วาดภาพ จะต้องวาดอย่างไร สีจะต้องผสมอย่างไร ต่างๆ เป็นต้น ใช้เวลาไปกับ วิธีทั่วไป จนหมด วาดอยู่หลายอาทิตย์ ก็ยังวาดอะไรออกมาไม่ได้ กว่าจะวาดออกมาได้ ก็คิดว่า [ภาพวาดนี้ขายออกได้หรือเปล่า? คนอื่นจะคิดอย่างไร?] ไปสนใจเรื่องมากมาย ความคิด จินตนาการณ์ก็หมดไปแล้ว!

พวกเราบำเพ็ญไม่คิดอะไร ทำงานก็ทำได้ดี ยิ่งบำเพ็ญดี ยิ่งทำงานได้ดี ขอเพียงสถานการณ์มีความต้องการ พวกเราก็ทำได้ แต่ถ้าพวกเรามีความคิดที่จะไปอวดใคร ก็จะทำได้ไม่ดี พวกเราทำไปตามธรรมชาติ จึงจะทำได้ดี ถ้าเป็นการทำเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นความสามารถของพวกเรา หรือต้องการให้คนอื่นชมเชย ไม่ว่าจะบำเพ็ญอย่างไร ก็จะทำไม่ได้ดี แสดงว่าพวกเรายังบำเพ็ญไม่ดี จึงมีความคิดเช่นนั้น พวกเราวาดภาพตามความคิดจากภายในที่บริสุทธิ์ เพราะตัวเองชอบ ก็จะวาดได้ดีและเร็ว บางคนวาดภาพ ดูภายนอกเหมือนกับวาดอย่างธรรมดา แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เป็นเพราะเขาชำนาญมาก ดังนั้น จึงวาดได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับคนที่ทำงานอย่างคล่องแคล่ว จนเคยชิน ก็จะทำได้อย่างรวดเร็ว

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ผู้สร้างโลกจะเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง ดังนั้น ไม่ต้องอวดดีอะไร พวกเรามีความคิดอะไรที่ใหม่ๆ จากงานหรือด้านศิลปะ หรือค้นพบเครื่องจักรอะไร เป็นเพราะพวกเราได้บำเพ็ญ ดังนั้น สมองจะเข้าใจและมีความคิดทางจินตนาการมากกว่า อันดับชั้นพวกเราถูกยกระดับสูงขึ้น ได้ของจากที่นั่น แล้วนำมาแสดงทางโลก ก็เท่านั้นเอง ความจริงแล้ว พวกเรามาแสดงสิ่งต่างๆ ของเบื้องสูง บางครั้งก็ทำผิด ถ้าพวกเราบำเพ็ญไม่ดีพอ ปัญญาน้อยไป พวกเราจะเขียนผิด ทำผิด สิ่งที่ทำออกมา ไม่ดีเหมือนกับในดินแดนที่สูง

ความจริง ความดี ความงามของดินแดนที่สูง

โลกของเรา แม้ว่าจะเป็นดาวดวงหนึ่งของจักรวาล แต่ที่นี่ของพวกเรามันล้าหลัง เป็นดวงดาวที่ล้าหลัง สิ่งต่างๆ ที่นี่จะหยาบกว่า ไม่สมบูรณ์ เป็นต้นว่า เพชรนิลจินดาของที่นี่ เหมือนอย่างเพชรหรือพลอย แม้มองดูก็มีแสงแพรวพราว ผู้หญิงทุกคนชอบ แต่ไปเทียบกับดินแดนที่สูงแล้ว สิ่งของที่นี่มันไม่เท่าไร มันหยาบ แข็งเกินไป! แม้พวกเราจะบอกว่า เพชรจะทนทานมาก แต่ว่ายังมีสิ่งของตัดมันได้ บางครั้งเมื่อเวลาผ่านไปนาน มันก็จะแตกเอง และเสียไป เพชรกับพลอยในดินแดนที่สูงไม่เลวอย่างนี้ ไม่เพียงมองดูสวยงามแล้ว สวยงามมาก และสามารถเปล่งแสงได้ด้วย ทำให้คนรู้สึกเป็นสุข แม้จะแข็งมาก แต่พวกเราก็ผ่านทะลุมันได้ แข็ง แต่มันก็นิ่ม นิ่ม แต่มันไม่เสีย ไม่ใช่เหมือนกับเส้นหมี่ซั่ว หมายความว่า ระบบสั่นสะเทือนของมันละเอียดมาก ดังนั้น แม้มันจะมีอยู่ แต่ก็ไม่ขัดขวางสิ่งอื่น

วัตถุใดที่มีอยู่ในโลกนี้ จะขัดขวางสิ่งอื่น ต่อให้เป็นวัตถุที่ดีที่สุด ก็ขัดขวางได้ เป็นต้นว่า พวกเราวางเพชรก้อนใหญ่ไว้ที่ถนน พวกเราก็ขับรถผ่านไปไม่ได้ เพชรแม้มองดูจะเป็นโปร่งใส และมีค่าที่สุด แต่ก็ยังขัดขวางทางพวกเรา ดินแดนที่สูงจะต่างกัน สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ ต่างแสดงออกถึงความเป็นจริง ดี งาม ไม่ใช่จะแสดงออกถึงรูปลักษณ์ของวัตถุ แล้วไปขัดขวางสิ่งอื่น ดังนั้น พวกเราจึงกล่าวว่า อาณาจักรของพระเจ้ากว้างใหญ่ไพศาล ไร้พรมแดน ดินแดนที่นั่นมองดูเป็นสุข ต้องการอะไร ก็จะกลายเป็นอย่างนั้น ในดินแดนที่ต่ำ แม้แต่เพชรก็ยุ่งยาก ถ้าพวกเราคิดจะให้มันกลายเป็นเครื่องประดับมาสวมใส่ที่ตัว จะต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย ต้องใช้เครื่องมือมากมาย ต้องใช้แรงงานมากมาย เพชรที่มีอยู่เบื้องบน เธอจะให้มันกลายเป็นอะไร มันก็จะกลายเป็นอย่างนั้น มันไม่ขัดขวางเธอ สิ่งต่างๆบนดินแดนที่สูง เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ขัดขวางสรรพสัตว์ หรือต้องให้พวกเขาผ่านกรรมวิธีมากมายยุ่งยากแบบนี้!

สิ่งของที่ดีสำหรับโลกนี้ แม้จะช่วยพวกเราได้ พวกเราก็ต้องผ่านกรรมวิธี ต้องใช้แรงงานมาก เป็นต้นว่า ข้าวสวย ผลไม้ กับอาหารอื่น เป็นสิ่งให้ความสุขกับพวกเรา แต่ว่า พวกเราจะต้องปลูกอย่างเหน็ดเหนื่อย ปลูกแล้วก็ต้องดูแล รดน้ำ บางครั้งเกิดลมพายุ ก็สูญเสียหมด หรือถูกน้ำท่วม คนมากมายก็ต้องอดตาย ดังนั้น พวกเธอดูสิ โลกนี้ไม่มีอะไรที่น่าพิศวาสเลย อยู่อีกวันก็ต้องยุ่งยากอีกวัน ทางที่ดีอย่ากลับมาดีกว่า คนบำเพ็ญมีดินแดนสูงมากมายที่จะไป ดินแดนเหล่านี้ให้ความพอใจกับความต้องการจากใจพวกเราได้ ทำให้จิตใจของพวกเราสบาย เป็นสุขมาก