รวมบทกวีอมตะรักที่จริงใจ

หวนคิดถึงอดีตที่จากไป

 

เขียนโดยศิษย์ผู้พี่หญิง เสวียงอ่วน ไถหนัน ฟอร์โมซา

 
 
 

สำหรับบุคคลมากมายเมื่อได้ผ่านประสบการณ์ด้านความรัก หรือความรู้สึกต่างๆ มาแล้ว มักจะมีความรู้สึกหวาดผวา เสียใจ ความซาบซึ้งใจ ความคิดถึง หรือความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสที่แฝงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ซึ่งมิใช่เรื่องง่ายที่จะแสดงออกมาได้  เมื่อเราได้เผชิญหน้ากับการทดสอบของความรัก ในใจก็คลุกเคล้าไปกับความสุขที่ไร้คำพูด การต่อสู้กับอารมณ์ การคุยกันด้วยสติ การรอคอยอย่างโรแมนติก และความจริงใจที่หวังจะให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจ จิตใจที่ผ่านความสับสน ยุ่งเหยิง และประสบการณ์ของความรักที่ลึกซึ้ง ได้ถูกพรรณาอย่างละเอียดและตรงตามความเป็นจริงอยู่ในรวมบทกวี "หวนคิดถึงความหลังที่จากไป" ของท่านอาจารย์ หนังสือรวมบทกวีที่สวยงาม จริงใจ และซาบซึ้งใจจนคนต้องหลั่งน้ำตาให้เล่มนี้ เหมือนกับเป็นหนังสือที่บันทึกอย่างซื่อสัตย์เกี่ยวกับการแสวงหาความรักแท้ของท่านอาจารย์

เหมือนกับบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ของผู้คนส่วนมากของโลก ในหนังสือรวมบทกวีเล่มนี้ท่านอาจารย์ได้พรรณาถึงความรักที่วิตกกังวล

 

เช่น บทกวี "ตั้งแต่ฉันรักเธอ" (Since I've Love You) กับความใฝ่ฝัน เช่น บทกวี "ถ้าหาก" (If) "การพบกันทั้งก่อนและหลัง" (Before and After I Met You) ต่างๆ เป็นต้น

ความรู้สึกของความรักที่สวยงามหวานชื่น เช่น บทกวี "จูบด้วยรักยามรุ่งอรุณ" (When You Kissed Me this Morning!) "ดาวในใจฉัน" (The Star of My Heart)  กับ "การรอคอยด้วยความทุกข์ทรมาณขณะที่ทั้งสองรักกัน เช่น บทกวี "ถ้าหากไม่มี" (If Only There Isn't)  "ท่วงทำนองอันแสนเศร้า" (Melody Blue) ต่างๆ เป็นต้น  ท่านอาจารย์ได้ใช้คำกลอนที่เรียบง่ายอย่างธรรมชาติและเข้าถึงจิตใจคน มาบรรยายถึงระยะทางทีละก้าวที่ผ่านมาของการแสวงหาความรักแท้ของท่าน

ในหนังสือรวมบทกวีมีบางบทที่ทำให้พวกเราได้สัมผัสกับการจากไปของคนรักที่แสนเศร้า เช่น บทกวี "ยากที่จะจากไป" (It' s Not Easy to Go)  "ขอกล่าวคำอำลา" (Instead of Saying Goodbye! ) "ฉันไม่รู้ว่า" (I don't Know)  กับ "ไม่เชื่อว่าบุพเพสันนิวาสจะสิ้นสุดลง" (Je Ne Crois Pas! )  เป็นต้น  

นอกจากจะแสดงออกถึงการจากกันทั้งก่อนและหลังที่จิตใจต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างจำใจจำยอม  ซึ่งได้แสดงออกถึงการหล่อหลอมของอารมณ์ที่อยู่เหนือปุถุชนและเป็นการอธิบายถึงความรักได้อย่างลึกซึ้งยิ่ง ความจริงใจที่ได้แสดงออกอย่างธรรมชาติด้วยคำกลอนนั้น ทำให้พวกเราได้รับรู้ถึงความรู้สึกในอารมณ์ที่ลุ่มลึก ที่มีอยู่ในใจโดยไม่สามารถพูดออกมาได้

สำหรับชีวิตทางโลกและการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความหวังนั้น ท่านอาจารย์ก็ได้พรรณาไว้ในบทกวี เช่น บทกวี "ฉันจะทำอย่างไรดี" (Whai Shall I do?) กับ "ชาตินี้ถ้าไม่มีเธอ" (If There Wasn't You In Life)  เป็นต้น  แม้แต่การคิดถึงคนรักที่ไม่มีวันลืม ก็มีการพรรณนาที่โรแมนติกและน่าฟัง เช่น บทกวี "ราตรีอันเหน็บหนาวที่อีเซอร์ลอห์น" (Winter Night in Iser Lohn) "คิดถึงวันสุดสัปดาห์ที่จากกัน" (Weekend Thoughts) กับ "เสื้อคลุมของเธอ" (Your Pullover)   เป็นต้น

เมื่อท่านอาจารย์กลับมาบ้านเดิม เมื่อเห็นสภาพชีวิตเปลี่ยนแปลงไปหมด บทกวี "เมืองเก่าในอดีตแห่งรักที่ผ่านเลย" (Old Town Past Love!)  "หรือว่าสายไป" (It May Bee Too Late Then...)  กับ "ความรักได้อวสาน" (Final)  เป็นต้น  ท่านอาจารย์ได้แสดงออกถึงความเยือกเย็นปล่อยวาง ท่านอาจารย์อยู่ในบทกวี เหมือนกับพาจิตวิญญาณพวกเราไปทัศนาจรกับประสบการณ์ของความรักทางโลก และทำให้จิตวิญญาณของสรรพสัตว์ได้ยกระดับสูงขึ้นด้วย

 

ใครว่าผู้บำเพ็ญไม่มีความรู้สึกทางอารมณ์ ไม่เข้าใจถึงความทุกข์โศกของคนทางโลก? พวกเราช่างโชคดีจริงๆ มหาอาจารย์ผู้รู้แจ้งยอมนำโลกแห่งความรักในอดีตกับเรื่องราวในอดีตที่จากไปแล้วมาแบ่งปันกับพวกเรา  มิเพียงทำให้ลูกศิษย์กลุ่มพวกเราผู้ซึ่งเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเข้าใจถึงชีวิตจริงแล้ว ยังทำให้พวกเราเรียนรู้ได้ว่าผู้บำเพ็ญไม่ควรกลายเป็นก้อนหินที่ไม่มีความรู้สึกทางอารมณ์ ตรงกันข้ามจะต้องส่งความรักให้กับผู้ที่รักเราและผู้ที่เรารักอยู่เสมอ