อาจารย์ที่รู้แจ้งมี "กุญแจ" สู่การรู้แจ้ง

 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ สิงคโปร์
 วันที่ 10 มกราคม 2538 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

 

ถ: อาจารย์ ท่านช่วยอธิบายเรื่องการประทับจิตของธรรมวิถีกวนอิมด้วยได้ไหม?

: การประทับจิต เป็นพิธีเปิดตาปัญญาแบบที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้ด้วยตา ไม่มีดอกไม้ ไม่มีเครื่องหอม ไม่มีการก้มกราบคารวะ ไม่มีพระพุทธรูป ไม่มีโบสถ์ ไม่มีอะไรเลย มีแต่ตัวเธอกับพลังดั้งเดิมที่เป็นบวกของตัวเธอเอง ทีนี้พอเธอนั่งอยู่คนเดียวฉันก็จะชี้ให้จิตวิญญาณของเธอรู้ว่าจะไปที่ไหน เพื่อที่จะเอาความเป็นบวกและความเป็นลบกลับมาไว้ด้วยกัน เข้าใจไหม? ตอนนี้เธอถูกแยกจากกัน เพราะว่าเธอมักจะเอนเอียงไปทางด้านลบเสมอเพื่อการมีชีวิตอยู่รอด ทีนี้พอเธอนั่งอยู่คนเดียวและพร้อมจี่จะกลับไป ฉันก็จะดึงเอกลับแต่ไม่มีการกระทำอะไรเลยนะ เรื่องพวกนี้เป็นนามธรรม เป็นสิ่งอันมหัศจรรย์ของพลังที่มองไม่เห็น ไม่มีการกระทำอะไรเลย ทำโดยไม่ได้ทำ

ฉันไม่ต้องอยู่ที่นั่นเลยก็ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่ต้องรู้จักชื่อ ที่อยู่ อายุ อาชีพของเธอเลย ฉันไม่ต้องรู้จักเธอ หมายถึงทางร่างกายนะ ภายในฉันรู้จักเอง เพราะฉะนั้น การประทับจิตก็เหมือนกับว่าเธอนั่งอยู่ที่นั่นและก็เอาด้านที่เป็นบวกของเธอกลับคืนมา รู้ไหม เหมือนกับว่าเธอเสียสมดุลที่เธอมัวแต่เอนเอียงไปทางด้านลบอยู่เสมอ ตอนนี้มันกลับมาสมดุลใหม่ แค่นั้นเอง แล้วเธอก็รู้ว่าเธอได้รู้แจ้งแล้ว เพราะว่าเธอได้เห็นแสง เธอได้รับการสอนจากสวรรค์แล้วโดยอาศัยเสียงท่วงทำนองดนตรี

ไม่ใช่โดยใช้ภาษา "ซิงลิช" ไม่ใช่โดยใช้ภาษาจีน มันเป็นคำที่ไม่เป็นถ้อยคำ เสียงที่เงียบซึ่งจะทำให้เธอฉลาดขึ้น และได้ตระหนักมากขึ้นๆ ว่าเธอยิ่งใหญ่ เธอเป็นเจ้านายของบ้าน นั่นแหละคือการประทับจิต แต่ไม่มีคำใดจะสามารถบรรยายมันออกมาได้เพราะว่าฉันจะไม่พูดกับเธอเลยในตอนนั้น ฉันอาจจะไม่อยู่ในที่นั้นด้วยซ้ำ เพราะว่าเธอจะอยู่กับจักรวาลทั้งหมดแล้วในตอนนั้น นั่นคือวิธีที่เธอจะได้รู้จักตัวเอง มันยากที่จะพยายามทำความเข้าใจในตอนนี้ ถ้าเธอไม่เข้าใจก็มาประทับจิตสิ แล้วเธอก็จะเข้าใจ

 

 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา
วันที่ 14 เมษายน 1993

 
ถาม: ขั้นตอนการรู้แจ้งเป็นอย่างไร เทคนิคนี้สามารถนำเราไปสู่การรู้แจ้งระดับไหน?

ตอบ: มันจะนำเธอไปสู่ต้นตอของสิ่งต่างๆ ทั้งมวล  เป็นที่ซึ่งเธอจากมาและเป็นที่ซึ่งทุกๆ สิ่งจะกลับไป  ระหว่างระดับชั้นของโลกนี้มีระดับของจิตหรือระดับของความเป็นอยู่ทั้งหมด 5 ระดับ  ถ้าเราได้ฝึกปฏิบัติวิธีแห่งแสงและเสียงจากสวรรค์และได้รับการนำทางจากครูที่มีประสบการณ์มาแล้ว  สามารถผ่านระดับชั้นที่ 5 นี้ไปได้เราก็จะไปถึงที่นั่นซึ่งเป็นบ้านของมหาอาจารย์ทั้งมวล  อาจารย์ทุกท่านลงมาจากระดับนี้และเมื่อเสร็จภารกิจท่านก็กลับไปที่นั่น  ในอนาคตเราก็จะลงมาช่วยสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถ้าหากเราปรารถนาที่จะกลับมายังโลกนี้ใหม่หรือโลกอื่นๆ ในจักรวาลก็ได้ ดังนั้น ขั้นแรกก็คือรับการประทับจิตแล้วสิ่งอื่นๆ ก็จะตามมาเอง

ถาม: การไปหาพระเจ้านั้นมีอยู่หนทางเดียวก็คือรับการประทับจิตในแสงและเสียงใช่ไหม?

ตอบ: ใช่ นั่นคือการเดินทางช่วงสุดท้ายเธอยังคงมีหนทางอื่นอีกมาก แต่ถ้าเธอไปไม่ถึงที่นั่นเธอก็จะไม่ได้อยู่ที่นั่น  ก็เหมือนกับประตูบ้านไม่ว่าเธอจะเดินทางจากถนนสายไหนถ้าเธอไม่ได้ผ่านประตูนั้น  เธอก็เข้าไปในบ้านไม่ได้ใช่ไหม?  เพราะฉะนั้น เราเริ่มต้นจากจุดนี้เลยเพราะว่าเราโชคดีมากกว่าคนอื่น

ถาม: การประทับจิตมีมากกว่าหนึ่งแบบใช่ไหม?

ตอบ: ไม่ใช่ๆ ภายนอกมีแบบเดียวแต่ภายในมีหลายแบบขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ยกตัวอย่างเช่น  ในเวลาที่มีการประทับจิตผู้ที่เป็นอาจารย์หรือตัวแทนของอาจารย์จะให้คำแนะนำเหมือนๆ กัน  แต่การประทับจิตไม่ได้มาจากคำแนะนำเหล่านี้  การประทับจิตมาจากภายในจากการตื่นขึ้นของธรรมชาติของเธอเอง  แต่ถึงกระนั้นระดับชั้นก็ยังมีความแตกต่างกัน  เพราะฉะนั้น คน 2 คนที่นั่งอยู่ในที่เดียวกันหรือนั่งติดกันก็อาจจะมีระดับชั้นต่างกันอย่างมากมายได้  ดังนั้น ผู้ที่เป็นอาจารย์จะสอนแต่ละคนแตกต่างกัน  โดยสอนจากภายในและมีแต่เพียงบุคคลนั้นเท่านั้นที่ทราบ  เขาจะรู้อยู่ภายในว่าอาจารย์สอนอะไรเขาและประสบการณ์ของเขาจะต่างไปจากภรรยาของเขา หรือลูก สามี พี่ชาย ฯลฯ  เพราะฉะนั้น ถ้าเธออยากจะเรียกว่าเป็นการประทับจิตหลายแบบต่างกันก็ได้ถ้าเธอต้องการ  แต่ฉันจะใช้คำว่า 'มันเป็นการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องไปของแต่ละคนที่แตกต่างกัน'

 

 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
วันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 (เดิมเป็นภาษาอังกฤษ)

 
ถ : อะไรคือวิธีของท่านในการได้รับการรู้แจ้ง และจะมีช่วงเวลาเฉพาะอะไรไหมที่เราจะรู้สึกว่ามันเกิดขึ้น?

: ไม่ใช่ วิธีของฉันไม่มีวิธีอะไร ในเวลาที่มีการถ่ายทอดนั้นเธอเพียงแต่นั่งอยู่ตรงนั้นและฉันก็จะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เราจะไม่ทำอะไรเลย ไม่พูดคำใดๆ ไม่ขยับตัวแม้แต่นิ้วเดียวแต่เราจะได้รับแสง  และเราจะได้รับการรู้แจ้ง  เราสามารถออกจากร่างกายนี้ไป เราสามารถไปเที่ยวในสวรรค์ หรืออย่างน้อยเราจะสามารถเห็นแสงแห่งสวรรค์หรือได้ยินวาจาแห่งสวรรค์  ได้ฟังคำแนะนำสั่งสอนของพระเจ้าและก็มีปัญญามากขึ้นทุกวัน

ธรรมวิถีที่ฉันถ่ายทอดให้ไม่ได้เป็นวิธีอะไร เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่สามารถจะเขียนให้เธอได้  ฉันได้แต่เปิดมันให้แก่เธอแต่ละคนแบบที่มองไม่เห็น และไม่มีการทำอะไร ฉันทำโดยที่ไม่ได้ทำ ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการกระทำเกี่ยวกับความตื่นเต้น เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว มันก็ยังเป็นของโลกแห่งวัตถุและรูปร่าง เพราะฉะนั้นวิธีของเราจึงเป็นวิธีที่ไม่เป็นวัตถุเป็นวิธีที่ไม่มีรูปร่าง  แต่มันสามารถถูกถ่ายทอดได้สามารถรับมันได้ สามารถมีมันเป็นเจ้าของมันได้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะว่าการรู้แจ้งนั้นอยู่ภายในตัวเธอเอง แสงอยู่ภายในตัวเธอ ธรรมชาติพุทธะอยู่ในตัวเธอ อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในตัวเธอ ฉันเพียงแต่ชี้มันให้เธอว่า อยู่นี่ มองทางนี้แล้วเธอจะเห็น เข้าใจไหม? บางครั้งเธอมีแว่นตาอยู่ในมือของเธอ แล้วเธอก็มองหาไปทั่ว ฉันจึงบอกว่ามันอยู่นี่ อยู่ทางนี้ ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่วิธีอะไร เธอมีมันอยู่แล้ว เชื่อฉันสิไม่มีวิธีใดที่จะสามารถนำเธอไปสู่การรู้แจ้งได้ เว้นแต่ว่าเธอจะต้องรู้จักธรรมชาติของเธอเอง และได้ติดต่อกับมันเองนั่นเป็นวิธีเดียวเท่านั้น วิธีใดๆ ที่ทำให้เธอได้เห็นธรรมชาติพุทธะในทันที เห็นอาณาจักรแห่งสวรรค์ทันที นั่นก็คือธรรมวิถีกวนอิม นั่นคือวิธีที่ถูกต้อง เธอจะเรียกชื่อมันว่าอะไรก็ได้แล้วแต่เธอจะต้องการมัน แต่มันไม่มีวิธีอะไร

มันเป็นเพียงพลังของพระเจ้าเท่านั้นที่ลงมาสู่ร่างกายที่บริสุทธิ์และได้รับการคัดเลือกแล้ว และก็เปิดพลังพระเจ้าของตัวเธอเอง พระเจ้านั่นเองที่เป็นผู้ช่วยเหลือพระเจ้า พุทธะนั่นเองที่ช่วยเหลือพุทธะ พุทธะนั่นเองที่ทำให้พุทธะรู้แจ้ง มันเป็นพุทธะที่อยู่ในตัวเธอที่เลือกที่จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา พุทธะในตัวฉันและพุทธะในตัวเธอเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพราะว่าเธอยังไม่รู้จักมัน พุทธะในตัวเธอจึงต้องปรากฏร่างมาในร่างภายนอกร่างหนึ่งและปลุกให้มันตื่นขึ้นมา แต่เป็นตัวเธอเองนั่นแหละที่ปลุกตัวเองขึ้นมา เป็นธรรมชาติพุทธะในตัวเธอที่เลือกเวลา นาฬิกาปลุกมันส่งเสียงแล้ว เพราะฉะนั้นจงตื่นขึ้น เข้าใจไหม? มันยากนะ ฉันจะไม่สอนอะไรเธอเลย เป็นตัวเธอเองนั้นแหละที่สอนตัวเอง เป็นพุทธะภายในตัวเธอที่ตื่นขึ้นมาและได้ตระหนักว่าเธอเป็นใคร แล้วก็เริ่มทำงานด้วยความสามารถของตัวเธอเอง ด้วยปัญญาของตัวเธอเอง

ดังนั้นหลังจากนั้นต่อไป เธอก็ตระหนักว่าไม่มีใครเป็นอาจารย์ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ทุกคนมีศักยภาพอย่างเดียวกันเพียงแต่เธอลืมวิธีที่จะใช้มัน คนที่จำได้ คนที่รู้ก็จะเตือนให้รู้ก็เท่านั้นเอง ถ้าเธอมีเงินอยู่ในกระเป๋าของเธออยู่แล้วฉันก็บอกเธอว่าเงินอยู่ตรงนี้ไง ฉันไม่ได้ให้อะไรเธอเลย ฉันเพียงแต่เตือนให้เธอระลึกถึงสิ่งที่เธอลืมไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีใดๆ เงินนั้นมันเป็นของเธออยู่แล้ว

 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ สิงคโปร์
 วันที่ 10 มกราคม 2538 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

: ท่านอาจารย์ เราจะได้รับการรู้แจ้งฉับพลันและหลุดพ้นชั่วนิรันดร์ได้อย่างไร ถ้าเรายังกังวลและต้องทำงานหาเงินอยู่อย่างนี้?

: การรู้แจ้งเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดที่เคยเกิดแก่การมีชีวิตอยู่ของตัวเธอ มันจะทำให้ภาระทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องแบกไว้ทุกวันเบาลง มันจะกำจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นทางของเธอทุกอย่าง มันจะช่วยแบกพยุงเวลาเธอเจ็บป่วยและล้ม มันจะอวยพรเธอไม่ว่าเวลาใดที่เธอลำบากและมีอันตราย และเธอก็จะรู้สึกเหมือนกับว่า เธออยู่ในความรักของแม่เสมอ เพราะฉะนั้น เธอจะไม่กังวลเลย ความวิตกกังวลที่เธอมีตอนนี้ก็เพราะว่าเธอยังไม่ได้รับการรู้แจ้ง มันไม่ใช่เรื่องตรงข้ามอย่างนั้น โอเค? เพราะฉะนั้น ถ้าเธออยากจำจัดความทุกข์นี้ ก็จงรู้แจ้ง