หนทางสู่สันติภาพ

 
 

"ไม่สำคัญว่าเราถูกหรือผิดในสงคราม มันมักจะสร้างความทุกข์ให้กับทั้ง 2 ฝ่ายเสมอ เราเข้าใจว่าแม้กระทั่งศัตรูของเราก็มีวิญญาณ ความรู้สึก สติปัญญา ความเมตตา และความเข้าใจ เพียงแต่ว่าเราไม่จับเข่าคุยกัน เราไม่เป็นมิตรกัน เราไม่ควรเป็นมิตรกับศัตรูของเรา ดังนั้น บางครั้งเราจึงลืมไปว่า พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเราเช่นกัน เป็นการง่ายที่จะเข่นฆ่าใครบางคนที่เราไม่ค่อยคำนึงถึงนัก หรือคนที่เราไม่นับถือ"

อนุตราจารย์ชิงไห่

 

     

สงครามได้อุบัติขึ้นอีกในตะวันออกกลาง ผู้บาดเจ็บ ล้มตาย สูญหายในสงคราม ความสิ้นหวัง ความเกลียดชัง ผู้ลี้ภัยที่ไร้ที่อยู่อาศัย และภาพอันน่าสะเทือนใจ ซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่องในสื่อมวลชน ได้ปลุกความกระหายในสันติภาพของพวกเราอย่างแรงกล้า ในขณะนี้ เราอดมิได้ที่จะสงสัยว่า "ทำไมมนุษย์จึงทำสงคราม? เราจะทำอะไรได้บ้างที่จะนำสันติภาพอันแท้จริงมาสู่โลก?" ในช่วงสงครามโคโซโวในปี 2542 ผู้คนในยุโรปที่เดือดร้อน ได้ถามคำถามแบบเดียวกันนี้กับท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ผู้ซึ่งได้ตอบคำถามด้วยความเมตตาในปาฐกถาธรรมของท่าน ถ้อยคำอันประเทืองปัญญาเหล่านี้ได้รวบรวมไว้ในหนังสือ "การติดต่อโดยตรงของพระเจ้า-หนทางสู่สันติภาพ" ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เยี่ยมยอดบางส่วนซึ่งคัดลอกมาจากหนังสือ ซึ่งผู้นำดำรัสของพระเจ้าอย่างแท้จริง ได้อธิบายถึงต้นเหตุจากรากเหง้าของสงครามและถ่ายทอดข่าวสารแห่งสันติภาพของพระเจ้าแก่มวลมนุษย์

 
 

สงครามมาจากความเป็นลบที่เหมือนสงคราม

 
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ลุจบ์จานา สโลเวเนีย
26 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 660
 
 ถ: ทำไมจึงมีสงครามในโลก? เราจะทำอย่างไรเพื่อยุติสงคราม?

 อ: สงครามเกิดขึ้นเพราะเราได้สร้างพลังงานบางอย่างที่เหมือนสงครามออกมาบนโลกนี้  ทุกครั้งที่เราเกลียด ทุกครั้งที่เราต้องการฆ่า ทุกครั้งที่เราไม่รักกันเหมือนที่พระเจ้ารักเรา เราได้สร้างพลังงานที่เหมือนสงคราม และเมื่อพลังงานเช่นนี้ที่มีมากพอมารวมกัน มันก็เกิดเป็นสงครามขึ้นมา

ความเกลียดชัง ความอิจฉา และความรู้สึกที่เป็นลบทั้งหมดเหล่านี้มีพลังงานเหมือนเช่น ความรักที่มีพลังงาน เมื่อใครบางคนรักเธอ หรือเมื่อเธอตกอยู่ในความรักซึ่งกันและกัน เธอจะรู้สึกเป็นสุขมากและมีความสุข แม้ว่าเธอจะไม่สามารถสัมผัสความรักนี้และอธิบายไม่ได้ เธอก็รู้ว่ามันมีอยู่ เธอจมอยู่ในความรักนี้ และเธอรู้สึกเบิกบานใจ

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราเกลียดชังซึ่งกันและกันเราจะรู้สึกอึดอัดมาก เรารู้สึกถึงกับสะอิดสะเอียนในบางครั้งเพราะมัน ความเกลียดชัง ความอิจฉา ความเป็นเจ้าของ และความโง่เขลา ทั้งหมดเหล่านี้จะทำให้เกิดสงครามได้ทุกเวลา ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องดูแลในสิ่งที่เราคิด ในสิ่งที่เราทำ และในสิ่งที่เราต้องการในชีวิตประจำวันของเรา  การรู้แจ้งเป็นทางแก้ทางเดียวเท่านั้นสำหรับความเดือนร้อนทั้งหลายในโลกนี้ ความรักของพระเจ้าเป็นยาชนิดเดียวเท่านั้นสำหรับโรคทั้งหลายในโลกนี้

 

 

ความรักของพระเจ้าเท่านั้นสามารถยุติสงคราม

 
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ สาธารณรัฐเชค
28 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 654
 

 ถ: ท่านจะกรุณาบอกอะไรบางอย่างแก่พวกเราจากแง่มุมทางจิตวิญญาณเกี่ยวกับอิทธิพลของสงครามได้ไหม?

 อ: ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ?  ฉันจะพูดอะไรได้เกี่ยวกับความโง่เขลาของมนุษยชาติ ซึ่งผลักดันให้คนฆ่ากันอย่างเลือดเย็น? ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ กับผู้ที่ทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสในสงคราม ผู้ซึ่งสูญเสียพ่อแม่ของพวกเขา ผู้ซึ่งสูญเสียลูกๆ ของพวกเขา ผู้ซึ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาได้ทำงานมาตลอดชีวิตของพวกเขา?  ฉันได้แต่สวดภาวนาเท่านั้นให้ความโศกเศร้าของพวกเขาบรรเทาเบาบางลงด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ให้พระเจ้าให้พรภายในแก่พวกเขา และให้พวกเขาได้ทราบว่าชีวิตนั้นเป็นนิรันดร และพระเจ้ารักพวกเขาเสมอ ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะดีหรือเลว และมันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะสูญเสียมากเท่าไหร่ในโลกนี้ สวรรค์ยังคงอยู่ที่นั่น

ฉันบอกเธอได้เท่านั้นว่า ถ้าเราใฝ่กระหายทางจิตวิญญาณ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะยกจิตสำนึกของเราขึ้นไปสู่ระดับที่สุงกว่าความเข้าใจ โลกก็จะเป็นสถานที่ที่ดีขึ้น  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการรู้ว่าภายในตัวเราคือพระเจ้า เราสามารถเคารพพระเจ้าที่นั่งอยู่ข้างหน้าเรา หรือนั่งข้างๆ เรา ด้วยความรักของพระเจ้าเท่านั้น ที่เราจะสามารถลบความเกลียดชังและความแตกต่างทั้งหมดระหว่างพี่ๆ น้องๆ และสงครามก็จะยุติลง

 นับแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา เราได้ทำสงครามซึ่งกันและกัน ทำลายทรัพย์สมบัติและอาหารของโลกนี้ เราได้ทำลายแม้กระทั่งคำสอนของอาจารย์ทางจิตวิญญาณ เราทำร้ายร่างกายของพวกเขาและวิถีชีวิตของพวกเขา และมันนำอะไรมาให้เรา? เราไม่ได้อะไรจากสงครามนี้หรือสงครามไหน ฉันรู้สึกเสียใจกับผู้ที่ก่อสงคราม และฉันรู้สึกเสียใจสำหรับผู้เคราะห์ร้าย แต่ฉันยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นสำหรับพวกที่ก่อสงคราม เพราะพวกเขาอยู่ห่างไกลจากพระเจ้ามาก พวกเขาจนตรอกมากจนถึงกับต้องหันหน้าเข้าหาความรุนแรง

พวกเขารู้สึกขาดความรักภายในตัวเองเป็นอย่างมาก จนถึงกับก่ออาชญากรรมด้วยท่าทีที่รุนแรงเช่นนี้ เพราะพวกเขาจนตรอกมาก พวกเขาจมลึกมากอยู่ในภาพลวงตาของชีวิต สำหรับผู้ที่ไม่รู้ผิดรู้ถูกอีกต่อไป เราก็ได้แต่เสียใจเท่านั้น และเราสามารถสวดให้พระเจ้าให้พรพวกเขาให้มีปัญญาและความรักมากขึ้น เพื่อพวกเขาจะได้ตื่นขึ้นมาสูวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เราสามารถทำให้สงครามสั้นลงและลดความขัดแย้งให้เป็นสภาพที่ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งหยุดมัน ถ้าเราทั้งหมดนำพลังด้านบวกและความคิดด้านบวกของเรามารวมกัน และเรานั่งสมาธิทุกวันเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น เหยื่อสงครามแม้ว่าพวกเขาจะทุกข์ทรมานมากในชาตินี้ พระเจ้าก็จะต้อนรับเขาในชาติหน้า

ดังนั้น ฉันมาที่นี่เพื่อพยายามย้ำเตือนท่านว่า ท่านมีพลังอยู่ภายในตัวท่านเองที่จะให้พรโลก ที่จะหยุดสงคราม ที่จะบรรเทาความทุกข์ยาก มันขึ้นอยู่กับตัวท่านว่าจะใช้มันหรือไม่ ยิ่งคนตื่นขึ้นมากเท่าไหร่ความเดือดร้อนในโลกก็จะลดน้อยลงเท่านั้น โลกของเรากำลังดีขึ้น มีผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณและนักมังสวิรัติมากขึ้น อีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้าเราจะเห็นสภาพที่เกือบจะเป็นสวรรค์บนโลกนี้ หากเรามีชีวิตยืนยาวแบบนั้น!

 

จงรู้แจ้งแล้วสวดอย่างมีพลัง!

 
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ เนเธอร์แลนด์
9 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 647
 
 ถ: เราจะช่วยเหลือพี่ๆ น้องๆ ของเราในสงครามได้อย่างไร?

 อ: วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือก็คือทำตัวเธอให้รู้แจ้ง และทันทีที่เธอรู้แจ้ง ถ้าเธอมีญาติและเพื่อน เธอจะสวดให้พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น เพราะเธอสามารถบอกพระเจ้าว่าเธอต้องการอะไร พระเจ้าก็ทราบเหมือนกันว่าเธอต้องการอะไร  แต่เธอไม่รู้จักพระเจ้า เธอไม่รู้ว่าพระเจ้าต้องการอะไร นั่นคือปัญหา เหตุนี้ คำสวดอธิษฐานมากมายจึงไม่ได้รับการตอบ พระเจ้าตอบเราแต่เราไม่ได้ยิน เพราะพระเจ้าพูดด้วยภาษาที่ละเอียดอ่อน เราต้องเงียบเพื่อจะรับมันได้ เราเรียกสิ่งนี้ว่า การทำสมาธิ การมีจิตจดจ่อ หรือการสวดอธิษฐานเงียบ แต่เราต้องเปิดการติดต่อของเรากับพระเจ้าก่อน เราต้องเสียบปลั๊กกลับคืนเข้าไป เชื่อมสายโทรศัพท์เข้าไปใหม่ แล้วเราจึงจะสามารถพูดกับพระองค์ได้และสามารถรับคำตอบได้ ตอนนี้พระเจ้าบอกให้เราทำสิ่งหนึ่ง แต่เราทำอีกสิ่งหนึ่งเพราะเราไม่ถูกเชื่อมต่อ นั่นคือปัญหาในโลกนี้

เราสามารถช่วยเหลือได้โดยการให้ความคิดและพลังที่เปี่ยมรักของเรา แต่การสวดของเราต้องมีพลัง ในขณะนี้ การสวดของเราไม่มีพลัง เพราะเราไม่มีการเชื่อมต่อกับพลังภายใน เหตุนี้พระเยซูจึงไม่เสียเวลาของพระองค์ในการพยายามไปที่โน่นที่นี่เพื่อหยุดสงคราม พระพุทธเจ้าไม่เที่ยวไปที่โน่นที่นี่เพื่อพยายามสร้างสันติภาพระหว่างประเทศต่างๆ พวกพระองค์มัวแต่ยุ่งอยู่กับการสอนผู้คนให้รู้แจ้ง เพราะพวกพระองค์ทราบว่า นั่นคือทางแก้ปัญหาทางเดียวเท่านั้นในโลกนี้ และในดาวเคราะห์อื่นๆ ในจักรวาล

เราสามารถช่วยเหลือได้โดยการสวดอย่างจริงใจ แต่เราต้องรู้แจ้ง เราต้องเชื่อมต่อกับพลังพระเจ้านี้ก่อน แล้วไม่ว่าอะไรที่เราคิดก็จะเป็นจริงขึ้นมา  ไม่ว่าอะไรที่เราต้องการจะเป็นจริงขึ้นมา  ในขณะนี้เราต้องการบางสิ่ง แต่เราไม่มีอะไรมาหนุนมัน ก็เหมือนกับเราต้องการซื้อชุดสักชุดหนึ่ง หรือเราต้องการซื้อรองเท้าแต่เราไม่มีเงินในธนาคาร จงมีเงินในธนาคารก่อนแล้วอะไรที่เธอต้องการเธอก็จะหาซื้อได้

 

จงรู้แจ้ง แล้วสร้างอนาคตที่มีสันติภาพ

 
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ลุจบ์จานา สโสเวเนีย
26 พฤษภาคม 2542 (ต้นบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 660
 
 ถ: การรู้แจ้งมีผลกระทบต่ออนาคตของชาติอย่างไร?

 อ: แน่นอน มันจะดีกว่ามาก ถ้าทุกคนในประเทศรู้แจ้ง มันก็เหมือนกับการได้เห็นพระเจ้าเดินไปมาทั่วประเทศ สิ่งนี้มิเพียงแต่มีผลกระทบต่อประเทศของเธอเท่านั้น มันจะมีผลกระทบต่อโลกทั้งโลก จะไม่มีสงครามอีกต่อไป จะมีความรักมากขึ้น สันติภาพมากขึ้น มีอาหารมากขึ้น และสิ่งจำเป็นต่างๆ มากขึ้นสำหรับทุกคน มิเพียงสำหรับประเทศนี้เท่านั้น พระพรจะถูกแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น ดังนั้น แม้ถ้าประเทศนี้เจริญรุ่งเรืองมากและมีสันติสุข เราก็ยังควรคิดถึงโลกนี้ให้มากขึ้น และเราควรรู้แจ้งด้วยเช่นกัน เพื่อเราจะได้ให้พรแก่โลกได้มากขึ้น เพราะยังคงมีสรรพสัตว์ที่ทุกข์ยากมากมายในโลกนี้

 

คติพจน์

ตราบใดที่ผู้คนลืมพระเจ้าก็จะมีสงครามอีก  เราต้องรู้จักพระเจ้าภายในอย่างแท้จริง ติดต่อกับพระองค์ เพื่อจะรู้ว่าคนอื่นก็เป็นพระเจ้าเช่นกัน และพระเจ้าองค์หนึ่งไม่สามารถฆ่าพระเจ้าอีกองค์ได้ แล้วสงครามก็จะยุติลง เมื่อเราไม่ทราบเรื่องนี้ เราก็เพียงแต่มองดูซึ่งกันและกันว่าเป็นมนุษย์อีกคนหนึ่ง เราเพียงแต่มองที่บุคลิกลักษณะ ลักษณะนิสัย และประเพณีประจำชาติ เราลืมไปว่ามีพระเจ้าอยู่ภายในตัวบุคคลนั้น และนั่นคือสิ่งสำคัญ

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ โซเพีย บัลแกเรีย

18 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 651

 

 
 
พระเจ้าไม่สามารถให้สันติภาพบนโลกนี้แก่เราได้ ถ้าตัวเราเองไม่สร้างสันติภาพ เรามีพลัง เราเป็นตัวแทนของพระเจ้าที่นี่ เราต้องทำสิ่งที่เราควรทำในระดับนี้ เพราะเรามีชีวิตอยู่ที่นี่ เฉพาะเมื่อเรามีสันติภาพภายในตัวเราแล้วเท่านั้น เราจึงจะสามารถสร้างสันติภาพได้ เฉพาะเมื่อเราได้เห็นพระเจ้าภายในตัวเราแล้วเท่านั้น เราจึงจะสามารถเห็นพระเจ้าในตัวผู้อื่นได้

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ สาธารณรัฐเชค

28 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 654

 

 
 

ความคิดที่เปี่ยมรักและความคิดที่เป็นบวก ทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นเสมอ มีความเป็นบวกมากขึ้น และมีความรักมากขึ้น ยิ่งคนมีความคิดแบบเดียวกันมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีอิทธิพลที่ดีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น อันที่จริงถ้าเราต้องการมีอิทธิพลที่มีพลังมากขึ้นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ตัวเราจะต้องรวบรวมแรงแห่งการจดจ่อนี้และจดจ่อในพลังพระเจ้าที่มีอยู่ในตัวเราก่อน แต่เราต้องรู้ว่าจะทำอย่างไร แล้วเราจึงจะสามารถกำกับพลังพระเจ้านั้นเพื่อให้เกิดอิทธิพลต่อโลก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงมาอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อแบ่งปันกับท่านถึงความลับว่า จะหาพลังพระเจ้านี้ขึ้นมาอีกได้อย่างไร เพื่อท่านจะได้สามารถให้อิทธิพลที่เป็นบวกมากขึ้นแก่โลกได้ในยามใดก็ตามที่ท่านต้องการ

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ โซเพีย บัลแกเรีย

18 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 651

 

 
 
เราควรพิชิตหัวใจของผู้อื่นด้วยความดี ความรัก ความงาม และคุณธรรม มิใช่ด้วยอาวุธ
 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ โรม อิตาลี

22 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 646

 
 

 
 
การเป็นนายของตนเอง การมีชัยชนะเหนือความอ่อนแอของเราเอง เหนืออัตตาของเรา และแนวโน้มเอียงที่ชั่วร้ายของเรา คือชัยชนะที่ดีที่สุดของสงครามใดๆ
 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ แมดริด สเปน

5 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 644

 
 

 
 
ยิ่งผู้คนมากขึ้นรู้จักพระเจ้า ยิ่งผู้คนมากขึ้นติดต่อกับพระเจ้าโดยตรงและมีความสุขมากขึ้น โลกก็จะมีสันติภาพมากขึ้น มีสงครามน้อยลง และเราจะสามารถนำสวรรค์มาสู่โลกได้มากขึ้น
 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ บูดาเปสท์ ฮังการี

24 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 652

 
 

 
 
หากทุกคนบนโลกนี้ หรืออย่างน้อยที่สุดครึ่งหนึ่งของมนุษยชาติสามารถรู้จักพระเจ้าได้  ถ้า 1 ใน 3 ของมนุษยชาติสามารถรู้จักพระเจ้าได้ หรือแม้กระทั่ง 1 ใน 4 สามารถรู้จักพระเจ้าก็จะไม่มีสงครามอีกต่อไป ไม่มีความอดอยาก และความเดือดร้อนใดๆ อีกต่อไป โลกใบนี้จะกลายเป็นสวรรค์ จะไม่มีสงครามอีกต่อไประหว่างศาสนาต่างๆ หรือแม้กระทั่งภายในศาสนาเดียวกัน เพราะทุกคนจะเข้าใจว่าเรามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น
 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ โรม อิตาลี

22 พฤษภาคม 2542 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วิดีทัศน์ # 646