อาจารย์เล่านิทาน
 

นักบุญโจรสลัด

 
 

 

 
 

ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ซีหู ฟอร์โมซา

30 สิงหาคม 2532 (ต้นฉบับเป็นภาษาจีน)

 

นี่เป็นเรื่องทางศาสนาพุทธ มีฆราวาสสูงอายุคนหนึ่งชื่อ พง ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมากมาย วันหนึ่งหลังจากได้พบอาจารย์ผู้รู้แจ้งท่านหนึ่งแล้ว เขาก็ตระหนักว่าทรัพย์สมบัตินั้นเป็นพิษภัย มันสามารถเป็นภัยต่อธรรมชาติของมนุษย์และทำให้เกิดความละโมบได้ ดังนั้น เขาจึงเก็บสมบัติทั้งหมดของเขาลงเรือลำใหญ่ด้วยความตั้งใจที่จะโยนมันทิ้งทะเล พอถึงเวลาที่เขากำลังจะโยนมันลงทะเล โจรสลัด 500 คนก็ปรากฏกายขึ้นมาจะปล้นเรือของเขา แน่นอนที่พงไม่รู้สึกกลัวเลย

ดังนั้น เขาจึงยืนคอยโจรสลัด เมื่อพวกนั้นเริ่มขึ้นมาบนเรือ พงก็บอกพวกเขาว่า "พวกเธอต้องการสิ่งนี้ก็เข้ามาเลย มาเอามันไปให้หมด!" พวกโจรสลัดรู้สึกประหลาดใจมาก พวกเขาไม่เคยเห็นนักเดินทางแบบนี้ ซึ่งแทนที่จะตกใจกลัวกลับขอให้พวกเขาเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยความยินดี พวกเขาจึงถามว่า "ทำไมท่านจึงไม่เหมือนใคร?" ทำไมท่านจึงยอมให้พวกเราเอาทรัพย์สมบัติของท่านไปโดยไม่มีการยึดติดหรือมีความเศร้าโศก หรือมีความตกใจกลัวแม้แต่น้อย"?

พงตอบว่า "ฉันจะต้องไปยึดติดกับอะไร? ฉันจะต้องกลัวอะไรกัน? ฉันรู้ว่ามันไม่มีอะไรเลย นอกจากเป็นยาพิษ และกำลังจะโยนมันลงทะเลอยู่แล้ว หากพวกเธอรู้สึกว่ามันจะเป็นประโยชน์กับพวกเธอได้บ้าง ฉันก็ขอยกให้พวกเธอเลย
 

หลังจากฟังเขาพูด พวกที่เรียกว่าโจรสลัดห้าร้อยคนเหล่านี้ก็สะดุ้งรู้สึกตัว พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยความสำนึกผิด และขอเป็นลูกศิษย์ของเขา พงก็อ้าแขนรับพวกเขาด้วยดี เขาบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหลายของเขาให้แก่วัดแห่งหนึ่งเป็นทานแก่ "อรหันต์" (นักบุญ) ทั้ง 500 คนนี้ ต่อมาพวกเขาก็กลับกลายเป็นพระฝึกปฏิบัติบำเพ็ญและบรรลุอรหันต์ในที่สุด

รู้แจ้งแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

เราสามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติ จากเรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าพงกำลังจะโยนสมบัติทั้งหมดลงทะเล เราอาจคิดว่า "วาว! คนๆ นี้เป็นผู้รู้แจ้งที่แท้จริง! น่าอัศจรรย์นัก!" อย่างไรก็ตาม ในตอนจบของเรื่อง เมื่อได้เห็นเขาบริจาคสมบัติเขาให้แก่พระ และเปลี่ยนโจรสลัดให้กลายเป็นพระ ฉันก็คิดว่าเขาทำตัวในทางที่ดีกว่า อาจพูดได้ว่าเขาไม่ผิดที่โยนสมบัติของเขาลงทะเล แต่เขารู้แจ้งแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เป็นเพราะเขายังคงตัดสินว่าอะไรดี อะไรเลว ด้วยความคิดที่มีกรอบแห่งการยึดติด และจิตใจที่มีการแบ่งแยก ในเวลานั้น ความคิดของเขาค่อนข้างสุดโต่ง เขาคิดว่ามันเป็นการดีที่จะละทุกสิ่งทุกอย่าง และมันเป็นการเลวที่จะเก็บทรัพย์สมบัติไว้ ความคิดที่มีการแบ่งแยกแสดงให้เห็นถึงการรู้แจ้งที่ไม่สมบูรณ์ของระดับชั้นทางจิตวิญญาณของเขา

ไม่มีอะไรที่เลวสำหรับผู้รู้แจ้งที่แท้จริง เขาสามารถใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ได้ ถ้าไม่ได้พบโจรสลัดห้าร้อยคนในทะเล เขาก็จะไม่ได้รู้แจ้งอย่างสมบูรณ์ ดูคล้ายกับว่าเป็นพง ผู้ที่ช่วยให้โจรสลัดห้าร้อยคนเป็นอิสระหลุดพ้น ในความเห็นของฉัน โจรสลัด 500 คนนั่นต่างหากที่ช่วยให้เขาเป็นอิสระหลุดพ้น (เสียงหัวเราะและปรบมือ) ทำไมหรือ? ก็เพราะถ้าไม่มีพวกเขา พงจะยังคงติดอยู่กับการแบ่งแยกในเรื่องดีและเลว

เขาคิดว่าเขาควรละทิ้งสมบัติของเขาเพื่อจะได้ยิ่งใหญ่และไม่ยึดติด เพื่อเป็นผู้ที่รู้แจ้งและมีคุณธรรมอย่างแท้จริง ผู้ซึ่งเป็นอิสระจากความปรารถนาต่างๆ และทรัพย์สมบัติทางโลก หลังจากที่ได้พบโจรสลัดห้าร้อยคนนี้แล้ว เขาถึงได้รู้สึกตัว และตระหนักว่าไม่มีอะไรดีหรือเลวในการมีทรัพย์สมบัติ มันกลับสามารถช่วยคนห้าร้อยคนให้บำเพ็ญได้เสียอีก นั่นจะไม่ดีกว่าหรือ? ฉะนั้น มันไม่ได้เป็นการชั่วร้ายที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติ มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันอย่างไร

ถ้าเรามีทรัพย์สมบัติมากมายโดยไม่รู้ว่าจะใช้มันให้เป็นประโยชน์อย่างไร เราก็จะไม่ดีไปกว่าพวกโจรสลัด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนรวยที่มีตำแหน่งสูงใช้ประโยชน์จากอำนาจของเขา เพื่อทำความเสียหายหรือกดขี่ผู้อื่น นั่นก็ถือว่าร้ายกาจ มีบางคนที่ทำลายข้างของผู้อื่นเพราะความยากจนไม่มีเงิน หรืออยู่ในสภาพที่ได้รับความกดดันอย่างเหลือล้น ซึ่งจุดชนวนให้เขาระเบิดความโกรธออกมา พวกเขาก็ไม่แย่ไปกว่าพวกแรกหรอก

ดังนั้นเราต้องมองทะลุเข้าไปถึงข้างในภูมิหลังและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน คนรวยหรือคนมีอำนาจก็ไม่ใช่คนดี หรือคนที่มีบารมีเสมอไป และคนยากจนคนที่ถูกกดขี่ หรือคนที่ขัดสนก็ไม่ใช่คนเลว ด้วยเหตุนี้พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงสามารถเปลี่ยนผู้ที่เรียกว่าคนโฉดชั่วช้าสองคนให้กลายเป็นผู้บำเพ็ญ และพงจึงสามารถเปลี่ยนโจรสลัดห้าร้อยคนให้กลายเป็นพระ

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีประโยชน์

ถ้าหากเธออ่าน "การผจญภัยสู่แดนปัจฉิม" เธอก็จะรู้ว่าพระถังซำจั๋งซึ่งมีชื่อเสียง เป็นอาจารย์ที่มีคุณธรรมและทรงอำนาจ มีลูกศิษย์หน้าตาหน้ากลัวอยู่สามคน คนหนี่งมีจมูกยาวและหูใหญ่ อีกคนมีขนดก ในขณะที่อีกคนมีกะโหลกศีรษะร้อยเป็นสายประคำ คนธรรมดาทั่วไปแค่เหลือบตามองทีแรกก็จะตกใจตายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพระถังซำจั๋งก็ไม่ได้กลัวพวกเขา ท่านกลับรับพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของท่าน พวกเขาจึงช่วยสนับสนุนเป็นพวกพระถังซำจั๋ง และนำคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาได้สำเร็จ ถ้าไม่มีพวกที่เรียกว่าลูกศิษย์แย่ๆ เหล่านี้ พระถังอาจจะไปไม่ถึงแดนปัจฉิมก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น! เนื่องจากหน้าตาพวกเขาดูหน้ากลัวมาก พวกปีศาจจึงกลัวพวกเขา แม้แต่ปีศาจก็ยังกลัวปีศาจตัวอื่น (อาจารย์และผู้ฟังหัวเราะ) ดังนั้น ถ้าเราตระหนักถึงกฏแห่งจักรวาล ถึงความลับของการสรรค์สร้างเราก็สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีประโยชน์ขึ้นมา