ต้นปี
2544
ครั้งหนึ่งจากการคุยกันทางโทรศัพท์
โดยคุยกับศิษย์ผู้พี่ชายเจี่ยน
เกี่ยวกับเรื่องไปช่วยเผยแพร่ธรรมที่ทวีปแอฟริกาตะวันตก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเคยไปพักอยู่ที่ทวีปแอฟริกา ระยะหนึ่ง
ทราบว่า วัตถุของทางทวีปแอฟริกา ค่อนข้างล้าหลัง
บวกกับขณะนั้นที่มีความคิดจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาด้วย ดังนั้น
จึงสองจิตสองใจ เวลาผ่านไปไม่นาน คิดไม่ถึงว่า
มีบริษัทแห่งหนึ่งมาหาข้าพเจ้าอย่างกะทันหัน
ขอร้องให้ข้าพเจ้าไปเป็นตัวแทนทางการค้าที่เมืองแคเมอรูนเป็นเวลา
1
ปี ดังนั้น จากเหตุและบุญสัมพันธ์ดังกล่าว
ข้าพเจ้าจึงเดินทางไปที่ทวีปแอฟริกา อีกครั้ง
เนื่องจากได้รับการช่วยเหลือจากศิษย์ผู้พี่ชายเจี่ยน
อย่างกระตือรือร้น ศูนย์แคเมอรูน
ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน จากนั้น
ธรรมทูตกวนอิมก็มาจัดงานประทับจิต แต่ว่า ขณะนั้น
ข้าพเจ้าไม่ได้มีใจที่จะทำงานศูนย์อย่างเต็มที่
บวกกับสถานที่ของศูนย์ก็ไม่เหมาะ ดังนั้น ศูนย์แคเมอรูน
จึงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั้งถึงเดือนตุลาคมของปี
2545
ศิษย์ผู้พี่ชายเจี่ยน กับธรรมทูตกวนอิม มาเยี่ยมแคเมอรูน
จากการช่วยเหลือของเขาทั้งสอง
พวกเราได้พบสถานที่ที่สะอาดและสงบแห่งหนึ่งมาเป็นศูนย์
ครั้งหนึ่งได้คุยกับ ศิษย์ผู้พี่ เจี่ยน ทราบว่า
เขาจากครอบครัวฟอร์-โมซา มาอยู่ที่ทวีปแอฟริกา มานาน
6
ปีแล้ว จะกลับไปเยี่ยมญาติก็เพียงปีละ
1–2
เดือนเท่านั้น ระยะเวลาที่เขาอยู่ที่ทวีปแอฟริกา นั้น
ใช้เวลา จิตใจ กับเงินทองมากมาย ในการช่วยเผยแพร่ธรรมกับการก่อตั้งศูนย์
ข้าพเจ้าถามเขาว่า ทำไมต้องทำเช่นนี้
?
เขาบอกกับข้าพเจ้าว่า เขาเคยคิดที่จะรีบกลับไปฟอร์โมซา
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดูวีดิ-ทัศน์ท่านอาจารย์ ได้ยินท่านอาจารย์บอกว่า
เพื่อนบำเพ็ญไม่ได้เอาความรักของท่านส่งออกไป เขาฟังแล้วสะท้านไปทั้งตัว
ดังนั้น จึงคิดจะทำงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรม
เพื่อส่งความรักของท่านอาจารย์ให้กับคนมากกว่านี้ เมื่อข้าพเจ้าได้ฟัง
ก็สะท้านกับคำพูดของท่านอาจารย์เหมือนกัน
เมื่อหวนคิดถึงตัวเองพักอยู่ที่ทวีปแอฟริกา มาเป็นเวลา
3
ปีกว่า
แต่ไม่ได้พยายามเผยแพร่สัจธรรมให้กับพี่น้องในพื้นที่ รู้สึกละอายใจมาก
หลังจากนั้น
ข้าพเจ้าเริ่มส่งความรักของท่านอาจารย์ออกไปอย่างเต็มความสามารถ
ขณะเริ่มต้น เป็นเพราะตัวอัตตาของตัวเองมีมาก ดังนั้น
จึงรู้สึกว่า มีความกดดันสูงมาก ความคิดก็ไม่ค่อยเป็นบวก
เอาแต่คิดถึงส่วนได้ส่วนเสียของตัวเอง แต่ว่า
ความรักของท่านอาจารย์ก็ส่งมาอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้น
ข้าพเจ้าเริ่มเรียนรู้การใช้พลังของท่านอาจารย์ไปทำงาน
และปล่อยวางเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย ค่อยๆ
เรียนรู้การทำงานเพื่อคนอื่นโดยไม่มีเงื่อนไข
เวลาผ่านไป
2
ปีชั่วพริบตาเดียว แม้จะผ่านเรื่องลมเรื่องฝน
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นดีขึ้นเรื่อยๆ ตัวข้าพเจ้าเองก็ได้รับผลดี
ไม่ว่าจะในด้านวัตถุหรือด้านจิตวิญญาณ เมื่อนั้น
จึงเข้าใจถึงคำพูดของท่านอาจารย์ว่า
“การช่วยเหลือคนอื่น
ก็เหมือนการช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้น พวกเราควรจะชำระล้างกาย วาจา ใจ
ให้สะอาดอยู่เสมอ มอบความรักที่ไม่มีเงื่อนไขกับเจตนาที่ดีให้ตลอด
โดยไม่หวังผลตอบแทน มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
อาจารย์ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจเหตุผลต่างๆ โดยการทำงาน
จากพลังของแสงกับเสียง ค่อยๆ ลดตัวอัตตาลง
แม้จะไม่ได้เข้าใจถึงสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เชื่อว่า สักวันหนึ่ง
[แก้วของตัวอัตตา]
ถูกเอาออกแล้ว น้ำที่อยู่ภายในก็จะไปรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำในทะเล
ขอขอบคุณจากใจจริงต่อท่านอาจารย์ ที่ให้โอกาสก้าวหน้าแก่ข้าพเจ้า!