มันสำคัญที่จะปฏิบัติให้ทันเวลา  
 

มีเรื่องๆ หนึ่งในหนังสือของพราหมณ์หรรษา โยคะนันทะ พวกเธอได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้หรือไม่ อัตชีวประวัติของโยคี ถ้าพวกเธอไม่เคยพวกเธอควรจะอ่านมัน มันดีมากสำหรับพวกเธอที่จะเตือนให้พวกเธอระลึกถึงจิตวิญญาณและความเป็นตัวของตัวเองที่ยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะปลุกเร้าเธอสู่ความคิดแห่งนักปราชญ์ ทำให้เธอตื่นขึ้นอีกครั้งสู่ความเป็นตัวเองที่แท้จริง และทำให้เธอต้องการที่จะค้นหาความยิ่งใหญ่ของตัวเธอเองมากขึ้น นี่เป็นหนังสือที่ดีมากๆ เล่มหนึ่ง มีหนังสืออื่นๆ อีกมากมาย  ฉันไม่สามารถที่จะกล่าวถึงทั้งหมดในที่นี้ ฉันไม่สามารถที่จะจำชื่อทั้งหมดได้ บางทีฉันอาจจะจำได้แต่ว่าเราไม่มีเวลา ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะขายหนังสือ  หนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณจำนวนมากดีสำหรับผู้คนและหนังสือเล่มนั้นก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

ในหนังสือเล่มนั้นมีเรื่องๆ หนึ่งเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้หนึ่งผู้ซึ่งต้องการที่จะประทับจิต มีชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ซึ่งมีความตั้งใจที่แย่มากๆ ผู้ซึ่งต้องการที่จะทำให้อาจารย์เดือดร้อน อาจารย์คนหนึ่งในหนังสือเล่มนั้น ฉันคิดว่าเขาคือราฮิรี มหาสยา เขาต้องการที่จะไปที่นั่นและพยายามที่จะพิสูจน์ว่าอาจารย์เป็นของปลอม และต้องการที่จะทำให้ท่านเดือดร้อน แต่ก่อนที่เขาจะนั่งลง อาจารย์ได้บอกกับทุกคนแล้วว่า “พวกเธอต้องการที่จะดูรูปภาพบ้างไหม?” และบรรดาสาวกก็พูดว่า  “อยาก อยากครับ!”  ดังนั้นอาจารย์ท่านนั้นจึงกล่าว “โอ้ พวกเธอควรจะนั่งหลังซึ่งกันและกัน แล้วก็เอามือแตะคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าของพวกเธอ ดังนั้นเขาจึงทำกันอย่างนั้น รวมทั้งชายหนุ่มที่เข้ามาเพื่อประสงค์ร้ายนั้นด้วย พวกเขาทำไปแบบนั้นและหลังจากนั้นสักครู่ หนึ่งในสาวกก็เห็นรูปภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาและก็ทุกๆ คนด้วย

     

แล้วอาจารย์ท่านนั้นจึงถามขึ้นว่า ทุกคนเห็นภาพเดียวกันหรือไม่ ภาพผู้หญิง รวมทั้งชายหนุ่มผู้ซึ่งได้เข้ามาคนนั้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกละอาย และเขาก็พูดว่า เขารู้ เขาพูดว่า “โอ้” ดังนั้นอาจารย์จึงถามเขา “ใครคือผู้หญิงคนนั้น?” และชายหนุ่มที่ไม่ดีคนนั้นก็พูดว่า “เอ้อ ผมทราบว่า นั่นคือบาปของผมนั่นเอง ผมได้แต่งงานแล้ว แต่ผมได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ และผมได้เสียเงินกับเธอผู้นี้ไปจำนวนมาก นี่เป็นสิ่งไม่ดี ผมรู้ แต่ว่าได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมได้มาที่นี่ด้วยประสงค์ที่ไม่ดี ผมต้องการที่จะทำร้ายท่านและทำให้ชื่อท่านมัวหมอง แต่เนื่องจากท่านได้รู้แล้ว ท่านจะโปรดอภัยให้ผมได้หรือไม่ และท่านโปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วยได้หรือไม่?” ดังนั้นท่านอาจารย์จึงพูดว่า “ได้แน่นอน! เธอต้องกลับไปที่บ้าน ถ้าเธอกลับไปที่บ้านและสามารถปฏิบัติตนอย่างมีศีลธรรมเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นเธอจะสามารถมาประทับจิตได้ มิฉะนั้นแล้ว ฉันจะไม่ประทับจิตให้กับเธอ”

และแล้วหลังจาก 3 เดือนผ่านไป  ชายผู้นั้นก็กลับไปปฏิบัตินิสัยเลวๆ แบบเดิมอีกตามที่เขาเคยทำมาก่อน  และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตายลง ดังนั้นอาจารย์ผู้นั้นก็ไม่เคยได้ประทับจิตให้กับเขา เขาพยายาม แต่เขาก็ล้มเหลวและนี่ก็เหมือนกับเรา! หลายๆ ครั้งที่เราได้ละสิ่งต่างๆ ไว้จนกระทั่งวันพรุ่งนี้ ทั้งที่รู้อยู่ตลอดเวลาว่า โลกนี้เป็นเพียงโรงแรมชั่วคราวซึ่งแย่กว่าโรงแรมที่ฉันอยู่อีก ในโรงแรมที่ฉันอยู่พอฉันจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเขาก็ปล่อยให้ฉันอยู่อย่างสงบ พวกเขายังทำความสะอาดห้องของฉัน เปลี่ยนผ้าเช็ดตัว ให้สบู่ แล้วก็ทุกๆ สิ่งที่ฉันต้องการ แต่ในโรงแรมแห่งนี้ที่ซึ่งเราเรียกว่าชีวิต เรายังต้องทำงานใช้จ่ายทุกวัน แม้ว่าเราจะจ่ายเราก็ยังคงทุกข์ยาก เราจ่ายทุกวันด้วยเวลาที่มีค่าของเรา ด้วยพลังกายที่มีค่าของเรา ด้วยความรู้ที่มีค่าของเรา และด้วยการมีตัวตนบนดาวดวงนี้อย่างสั้นๆ ที่มีค่าของเรา  ซึ่งเราควรจะใช้มันเพื่อที่จะค้นหาพลังอันยิ่งใหญ่ของเราเพื่อที่จะจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

เราเสียสละทั้งหมดนี้เพราะว่ามันทำให้เราวุ่นวายมาก ระบบในดวงดาวนี้ทำให้เราวุ่นวาย ทำงานตั้งแต่เช้าจนกระทั่งกลางคืน ทำงานตลอดเวลา ทำงานในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ด้วย แล้วก็ยังไม่มีความสุขเพียงพอ มันไม่ใช่ เมื่อเราจ่ายไปแล้ว เราสามารถจะมีห้องที่ดีห้องหนึ่งได้ มีบริการ พนักงานที่ดี หรือบริการถึงภายในห้อง หรืออะไรก็ตาม ไม่ใช่อย่างนั้น! เราจ่าย แล้วก็จ่าย แล้วก็ยังคงต้องจ่าย และไม่มีความสุขอยู่ในนั้นมากนัก มีความทุกข์ยากลำบากมากกว่าความสุข แม้ว่าเราจะมีครอบครัว ครอบครัวที่ดีครอบครัวหนึ่ง หรือชีวิตแต่งงานที่สงบราบรื่น เราก็ยังต้องจ่ายสำหรับสิ่งเหล่านี้ เรายังคงต้องทำงานอย่างมากเพื่อที่จะคงสิ่งเหล่านี้ไว้ เราทำงานแม้ในวันฝนตก มีพายุ หรือในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย แม้กระทั่งในเวลาที่เสี่ยงต่อสุขภาพ

ในเวลาที่เราเหนื่อยและไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน เพราะว่าเด็กๆ หรือความกังวลหรืออะไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องทำงานและก็ไม่มีใครเห็นใจเราไม่มีใครเลยและถ้าเราป่วยมากเกินไป เขาก็จะคิดว่าเรากำลังโกหกและบางครั้งเราก็อาจถูกไล่ออก แล้วก็เราก็จะยุ่งยากอีกครั้งที่จะหางานใหม่ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย ดังนั้นโรงแรมแห่งนี้บนดาวดวงนี้ไม่ดีนัก มันไม่ได้ให้สิ่งที่ดีแก่เรา ถ้าเราไปในโรงแรมและจ่ายเงินจำนวนมาก เราย่อมหวังที่จะได้บริการที่ดี ไม่ใช่หรือ? แต่สำหรับโรงแรมนี้ไม่เป็นอย่างนั้น! เธอจ่ายตลอดทั้งวันและทั้งกลางคืน ทุกๆ วัน เพื่อให้เธอมีตัวตนอยู่จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย แล้วเธอก็ยังไม่ได้บริการที่ดี

ดังนั้น หากถามฉันฉันก็จะแนะนำให้พวกเธอหาโรงแรมใหม่ และฉันก็รู้แห่งหนึ่ง! (ท่านอาจารย์หัวเราะ) ฉันรู้จักโรงแรมหลายแห่ง ในบ้านของบิดาของเรา มีคฤหาสน์มากมายทั้งหมดว่างเปล่า ทั้งหมดถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามด้วยเครื่องเรือนที่สวยที่สุด และอุปกรณ์เครื่องใช้แบบที่พวกเธอชอบ มีหลายๆ แห่งที่ยังคงว่างเปล่า รอคอยให้พวกเธอไปที่นั่น แล้วก็ใช้เวลาอย่างสนุกสนานได้ในตอนนี้เลย เธอยังไม่จำเป็นต้องไปอยู่ตอนนี้เลยก็ได้ แต่เธอสามารถไปดูตอนนี้แล้วกลับมา แล้วค่อยไปอีกครั้ง ระหว่างที่เธอมีเวลาว่าง เธอกันเวลาสำหรับตัวของพวกเธอเองประมาณ 2 ชั่วโมงหรือสักชั่วโมง/วัน เพราะว่าเธอทำงาน เราทำงานเพื่อโลกนี้สำหรับความต้องการทางด้านร่างกายและวัตถุ แต่ว่าเราไม่ได้ทำงานสำหรับต้องการทางด้านจิตใจของเรา ความต้องการทางด้านจิตวิญญาณ ดังนั้นเราจึงรู้สึกเหนื่อยล้าและมีความรู้สึกหมดแรง แม้ว่าเราจะนอนหลับ เราก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าเราทำสมาธิ แม้ว่าเราจะนอนไม่พอ เราก็รู้สึกดี เรารู้สึกได้ถูกเติมพลังงานเต็ม หลังจากนั้นเราก็สามารถที่จะเคลื่อนย้ายภูเขาได้

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีคนมากมายขึ้นไปบนนั้นมากมายเท่าไรก็ตาม ยังคงมีคฤหาสน์เหลืออีกมากพร้อมเสมอสำหรับเรา ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราสามารถเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่เรามีบนนั้น ถ้าเพียงแต่เรารู้ว่า บ้านที่แท้จริงของเรายิ่งใหญ่งดงามเพียงใด เราคงต้องการตายไปตอนนี้เลย! ขอโทษ สำหรับคำพูดนี้ แต่มันเป็นเช่นนั้น มีคนหลายคนที่ได้ไปเยี่ยมโลกอื่น เยี่ยมสวรรค์ บ้านที่แท้จริงของเรา ไม่อยากกลับมาที่นี่แม้แต่เพียงนาทีเดียว แม้แต่บุคคลที่เขาเรียกว่าได้ตายไปแล้วทางแพทย์แล้วฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาก็ไม่อยากที่จะกลับมามีชีวิตแบบนี้อีก หลังจากที่พวกเขาได้เห็นแสง หรือหลังจากที่เขาได้เห็นพระเยซู พระพุทธเจ้าในสวรรค์ ซึ่งได้ล้อมรอบพวกเขาไว้ด้วยความรัก ความรู้สึกทั้งหมดของเขาได้เปลี่ยนไป เพราะว่าความรักแบบนั้นไม่ปรากฏที่นี

 
ที่มาของความรัก
   

ความรักแบบนั้นคือสิ่งที่พวกเธอได้หามาตลอดชีวิตของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนดาวดวงนี้ ทุกๆ อย่างที่ดูเหมือนความรักแบบนั้น หรือดูคล้ายคลึง หรือดูเหมือนว่าจะเป็นความรักแบบนั้น เราจะวิ่งไปหามัน เราจะเสียสละทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างเพื่อสิ่งนั้น แล้วเราก็ได้รับความผิดหวัง สิ่งเหล่านี้ แม้กระทั่งยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำสัญญาลวงตาว่า ทั้งครอบครัวจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นแต่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เป็นจริง สิ่งเหล่านั้นแค่ทำให้พวกเธอรู้สึกแย่หลังจากนั้น เสื่อมโทรมทั้งทางด้านสมองและร่างกาย ทั้งยังทำให้เกิดความทุกข์ยากต่างๆ กับครอบครัว แต่ความสุขที่แท้จริงที่เราสามารถพบได้ภายในทุกๆ วันโดยไม่ต้องจ่ายอะไรเลย โดยไม่ต้องเสียสละอะไรเลย และจะเกิดเป็นผลดีต่อเธอมากขึ้นๆ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของเธอ เพื่อน และใครก็ตามที่รู้จักพวกเธอ

ถ้าปราศจากความรักเช่นนี้แล้วเราจะทำสิ่งต่างๆ ที่ดูโง่เขลาในโลกนี้ เพราะว่าเราคิดว่าเราทำเช่นนี้เราจะได้ซึ่งความรักเช่นนั้น ภายในจิตใจของเรา เราคิดถึงความรักเช่นนั้นมาก เราคิดถึงมันมาก เรารู้ว่า เราเคยมีมันมาก่อน  แล้วเราก็รู้ว่าสวรรค์เป็นแบบใด เพราะว่าที่นั่นเป็นที่ๆ เราจากมา หรือพวกเธอคิดว่า เราจะมาจากที่ไหนอื่นได้? (ผู้ฟังกล่าว ซีโล่!) [คำภาษาสเปนสำหรับสวรรค์]) สวรรค์! ใช่ๆ พวกเธอพูดถูกต้อง เรามาจากพระเจ้า พระเจ้าคือพ่อของเรา แม่ของเรา แล้วก็พ่อแม่ ดังนั้น เราจึงเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะกลับไปยังสิ่งนั้น พระเจ้าเป็นเพื่อนผู้เดียวและเป็นแหล่งเดียวของสิ่งมีชีวิตทุกๆ สิ่งและสิ่งไม่มีชีวิตทุกๆ สิ่งบนดาวดวงนี้และดาวดวงอื่นๆ ด้วยในจักรวาลทั้งหมดนี้ พระเจ้าคือที่มาของความสุขของเรา ความเป็นตัวตนของเราจริงๆ และปราศจากการค้นหาสิ่งนั้น เราจะรู้สึกคลำอยู่ในความมืดที่นี่ตลอดเวลา ทำทุกอย่างที่จะเป็นไปได้ด้วยวิธีทางกายเพื่อที่จะได้มาซึ่งความสุข ที่เราไม่สามารถค้นพบ

แม้ความสัมพันธ์ที่มีความสุขที่สุด ก็มักถูกระบายไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่นี่ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะรักษามันไว้ และพวกเธอก็ไม่รู้ว่า มันจะยืนยาวหรือไม่ แม้ว่ามันจะยืนยาวก็จะต้องลงแรงไปมากมาย มีความประนีประนอมมากมาย และเกิดความเจ็บปวดมากมายด้วย แต่ความสุขจากสวรรค์ ความสุขที่แท้จริงที่เกิดขึ้นภายในเราจะคงทนถาวรตลอดไป ความสุข นั่นคือความสุขที่เราควรแสวงหา และมันก็ง่ายมาก เหมือนกับว่าแทนที่จะเอนตัวลงบนเก้าอี้นวมหน้าโทรทัศน์แล้วไม่ทำอะไร ฉันจะแสดงให้พวกเธอเห็นว่าจะหาความสุขแบบนั้นที่อยู่ภายในได้อย่างไร ขณะที่พวกเธอกำลังอยู่ในช่วงเวลาพักผ่อนหรือผ่อนคลายทุกๆ คนหาเวลา 2-3 ชั่วโมงเพื่อจะพักผ่อนทุกๆ วันได้ ใช่หรือไม่? พวกเธอต้องการเวลา 2-3 ชั่วโมงเพื่อจะพักผ่อนทุกๆ วัน นั่นคือเวลา เมื่อเราสามารถพบพระเจ้า มันง่ายมากๆ ถ้าเพียงพวกเธอรู้ว่าทำอย่างไร ไม่เหมือนว่า พวกเธอต้องทำงาน เธอแค่นั่งอยู่อย่างนั้น เหมือนอย่างที่เธอนั่ง หลังจากที่เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อน เธอนั่งแบบนี้ (ท่านอาจารย์เอนหลังลงในที่นั่งของท่าน) พวกเธอปิดตาของเธอลงและจดจ่ออยู่ที่ ซึ่งฉันจะแสดงให้พวกเธอดูว่าทำอย่างไร หรือนั่งแบบนี้ฉันก็ไม่ว่า เอาเท้าขึ้นมาบนอากาศแบบนี้ก็ได้

โรงแรมแห่ง “ชีวิต” ไม่ถาวร

ดังนั้นจะหาพระเจ้าเป็นอะไรซึ่งเป็นธรรมชาติมาก เพราะว่านั่นคือความเป็นตัวของตัวเธอเองที่แท้จริง ไม่มีที่ไหนที่เราจะต้องไปค้นหา ยกเว้นภายในตัวของเรา ปราศจากสิ่งนี้ชีวิตของเราไม่สามารถมีความสุข  และเรายังคงต้องวิ่งไปรอบๆ อยู่เสมอเป็นวงกลมเหมือนกระดาษที่นำกลับมาใช้ใหม่! บางครั้งมันจะอยู่ในลักษณะที่แตกต่างออกไป เหมือนเมื่อมีคนเก็บวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และบางครั้งเขาก็ทำมันให้เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่มันยังคงเป็นวัสดุเดิม ทำนองเดียวกันชีวิตของเราได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ กลับมาใช้ใหม่ แล้วก็กลับมาใช้ใหม่ ทั้งหมดเหมือนกัน

ในลักษณะการมีตัวตนอย่างมีทุกข์นี้ และเราไม่สามารถแม้จะอยู่อย่างยาวนานได้นั่นก็คือประเด็นของเรื่องนี้! ฉันได้บอกเธอแล้วมันคือโรงแรม ฉันได้เข้ามาในโรงแรมนี้ ไปที่ห้องของฉัน แล้วก็เริ่มต้นนำสิ่งของออกจากกระเป๋า และบางทีรีดนิดหน่อยเพราะว่ามันยับ ฉันจะได้ดูพร้อมที่จะปรากฏตัวต่อพวกเธอได้ และฉันก็วางเครื่องเพชรตรงนี้ตรงนั้น แล้วก็ทำให้มันดูสมบูรณ์แบบทั้งหมดเหมือนที่บ้าน แต่ฉันก็ทราบว่า มันไม่ใช่บ้านของฉัน ฉันต้องไปภายในอีก 2-3 วันนี้ แม้กระนั้นฉันก็ต้องทำในสิ่งที่ฉันต้องทำ

ในทำนองเดียวกัน ผู้ปฏิบัติทางด้านจิตวิญญาณก็กำลังทำในสิ่ง ที่เขาจำเป็นต้องทำในโลกนี้ แต่เขารู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่บ้าน เพราะว่าเขารู้ว่า บ้านคืออะไร ฉันเพิ่งมาจากบ้าน ฉันยังไม่ลืมมันเลย ดังนั้นถ้าเราปฏิบัติทางด้านจิตวิญญาณทุกวัน เราจะฝึกการกลับไปที่อาณาจักรของพระเจ้า ไปดูบ้านใหม่ของเธอ ฉันหมายถึงบ้านที่แท้จริง และจากนั้นก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง และก็กลับไปที่โน่นอีกครั้ง อย่างนี้แล้วพวกเธอจะไม่มีวันลืม แม้ว่าพวกเธอสามารถกลับมายังโลกของวัตถุนี้ สิ่งที่ฉันหมายถึงในเรื่องของการกลับมาก็คือ มันไม่ใช่เหมือนกับไปแล้วก็กลับ นั่นเป็นแค่คำกล่าว ภาษามนุษย์นี้นั้นไม่ดีพอจะอธิบายได้ ดังนั้นถ้าเรามาแล้วก็ไปทุกๆ วัน เราจะไม่ลืมบ้านที่แท้จริงของเรา และแม้ว่าเรากำลังทำสิ่งต่างๆ อยู่ในโรงแรมซึ่งเรียกว่า “ชีวิต” นี้ เราจะไม่มีวันยึดติดกับมัน ไม่ว่าเราจะตกแต่งมันอย่างไร เหมือนอย่างที่ฉันตกแต่งห้องของฉัน ฉันทำเตียงแล้วก็ทั้งหลายแหล่ด้วยตัวของฉันเอง  ฉันไม่รบกวนพนักงานบริการ เมื่อฉันไปฉันบอกเขาว่า “เอาละ ตอนนี้พวกเธอเข้ามาทำความสะอาดได้” เพราะว่าฉันได้วางสิ่งต่างๆ ทุกๆ ที่ เพื่อฉันจะได้หาของได้อย่างสะดวกสบาย

 แต่ฉันรู้ว่า นี่ไม่ใช่บ้านของฉันแม้ว่าเมื่อฉันได้ตกแต่งมันแล้วก็ตาม แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีบ้านอีกแห่งหนึ่งบ้านที่แท้จริงของเรา เราจะถูกผูกมัดอยู่กับโลกนี้เสมอ และเราจะทำงาน เราจะเหนื่อย แล้วก็รู้สึกทุกข์ยากมาก เพราะว่าเราต้องการที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ที่นี่ และถ้าเราไม่สามารถที่จะเก็บรักษาสิ่งต่างๆ ของเราไว้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราจะรู้สึกเจ็บปวดมาก รู้สึกยึดติดมาก และเราอาจจะตาย ตายเพราะความทุกข์ยากนี้ ตายเพราะความเจ็บปวด มีหลายคนที่สูญเสียเงินทอง สูญเสียธุรกิจ สูญเสียบ้าน แล้วเขาก็ฆ่าตัวตาย หรือเขาเจ็บป่วยลง เพราะว่าได้ยึดติดอยู่กับสิ่งที่เขายึดเป็นเจ้าของเหล่านี้ แต่บุคคลผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่รู้สึกหวั่นไหว แม้ว่าเขาจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่าเขารู้ว่า เขามีสิ่งอื่นที่ดีกว่า
 

อย่าสะสมสมบัติบนโลกนี้ แต่สะสมไว้บนสวรรค์

มีเรื่องขบขันเรื่องหนึ่งที่ฉันได้อ่านในอินเตอร์เน็ต มันเป็นอย่างนี้ มีบุคคลหนึ่งผู้ซึ่งร่ำรวยมาก มูโช ดิเนโร (ภาษาสเปน หมายถึงเงินมากมาย) และเขากำลังจะตาย แต่เขาต้องการที่จะนำทรัพย์สมบัติที่เป็นของเขาไปกับเขาด้วย เขามีเงินมากมาย มีทองจำนวนมหาศาล เขาได้ใช้เงินเพื่อซื้อทองคำ แล้วก็กองเก็บไว้ทั่วในบ้านของเขา และเขาต้องการที่จะนำมันไปกับเขา และเขาก็พยายามที่จะนำมันไป แต่คนอื่นๆ ก็พูดว่า “ไม่ได้ ไม่ได้ คุณไม่สามารถที่จะเอามันไปกับคุณได้ ทุกๆ อย่างที่คุณหาได้จากที่นี่ เป็นของในโลกนี้ เมื่อถึงเวลาจากไป คุณต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ไปแต่เพียงลำพังเท่านั้น เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง! คุณมาโลกนี้โดยไม่มีอะไร คุณก็จากไปโดยไม่มีอะไร” ดังนั้นชายผู้นั้นรู้สึกแย่มากภายในหัวใจเขา เขาจึงต่อรองกับพระเจ้า กับทูตแห่งความตาย “โปรดไปและถามพระเจ้าหรืออนุตราจารย์ชิงไห่ว่า ฉันสามารถนำทองเหล่านี้ไปกับฉันได้บ้างหรือไม่ ฉันต้องการมัน ฉันได้ทำงานมาตลอดชีวิตเพื่อให้ได้มันมา ฉันไม่สามารถจากมันไปได้ ได้โปรด!”

ดังนั้นทูตแห่งความตายก็รู้สึกเศร้าไปกับเขาด้วย เขาสั่นหัวของเขาและรู้สึกเสียใจกับชายผู้ไม่รู้ผู้นี้และพูดว่า “ตกลง เมื่อฉันไปพบท่าน ฉันจะเล่าให้ท่านฟัง” จากนั้น เมื่อพระเจ้าได้มองลงมาสู่สภาพที่น่าเวทนา ที่เขาเป็นอยู่ ท่านก็พูดว่า “ตกลง ให้เขานำมันไปด้วย มันไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลใจไป” ดังนั้นชายที่กำลังตายผู้นั้นได้ทำถุงใหญ่ใบหนึ่งและใส่ทองเข้าไปให้มากที่สุด เท่าที่เขาสามารถแบกได้ จากนั้นในตอนนั้นเขาได้ตายลง เขาตาย แล้วก็นำถุงทองไปยังประตูสวรรค์อันแวววาวดังมุก และเซนต์ปีเตอร์ได้กล่าวว่า “โอ้ นั่นคืออะไร ที่เธอถือมาด้วย? เธอไม่ได้รับอนุญาตที่จะนำสิ่งใดก็ตามจากโลกมนุษย์มายังสวรรค์ เธอทราบหรือไม่?” แล้วชายผู้นั้นก็พูดว่า “แต่ฉันได้พูดกับท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ และท่านบอกว่าตกลง” ดังนั้นเซนต์ปีเตอร์จึงพูดว่า “จริงหรือ? ตกลง ฉันจะไปสอบถามดู” ดังนั้นท่านจึงเข้าไปและถามท่านอาจารย์ “ท่านได้อนุญาตให้ชายผู้นี้นำบางสิ่งจากโลกขึ้นไปจริงหรือ?” ท่านอาจารย์กล่าวว่า “ใช่ เขาเป็นแค่ชายยากจนคนหนึ่ง ให้เขาไปเถอะ ให้เขาไปเถอะ”

ดังนั้นเซนต์ปีเตอร์จึงได้กลับมาและพูดว่า “ใช่ ใช่แล้ว เธอได้รับการอนุญาตแต่ว่าฉันยังคงต้องตรวจสอบว่าเธอได้นำอะไรมา”  ดังนั้นชายผู้นั้นได้เปิดถุงและเซนต์ปีเตอร์ได้มองเข้าไปข้างใน  ท่านได้พูดว่า “โอ้ สิ่งนั้นนั่นเอง! เธอได้นำเอาอิฐปูถนนสำหรับถนนของเรามา! (ผู้ฟังหัวเราะและปรบมือ) ใช่แล้ว พวกเธอเข้าใจไหม? เอาละ เผื่อว่าพวกเธอไม่เข้าใจ เด็กบางคนก็ไม่เข้าใจ  ในสวรรค์เขาต่างใช้ทองเพื่อใช้ทำเป็นถนน ใช่แล้ว และเพชรพลอยด้วย เราชอบมันมากที่นี่ พวกเขาต่างใช้มันสำหรับสร้างกำแพง และถนน และก็อื่นๆ

ดังนั้นเราเดินบนทองและเพชรพลอยเหล่านี้ และต้นไม้ทั้งหมดก็เป็นอัญมณีที่มีค่า ใบต่างๆ ทุกๆ อย่างมันดูเหมือนอัญมณี แต่มันไม่แข็ง มันดูสวยงาม แต่ไม่แหลมคม มันดูเหมือนเป็นสิ่งที่สวยงามมาก นี่คือทองและเพชรจริงๆ เพชรที่นี่อาจทำอันตรายเธอได้ แม้ว่ามันจะอยู่ตลอดไป แต่จริงๆ มันไม่เป็นอย่างนั้น พวกเธอสามารถทำลายมันได้ แต่เพชรและทองที่อยู่บนสวรรค์ พวกเธอไม่สามารถทำลายมันได้ ที่นั่น คือที่ที่เราจากมา เรามาจากพระราชวังที่สวยงาม เรามาจากที่อยู่ที่มีค่า เรามาจากความมีเสรีภาพ เรามาจากความรักและความเมตตากรุณา เราได้ลดระดับมันมาอยู่ในระดับ ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ เป็นตัวตนมนุษย์ที่ทุกข์ยาก น่าสงสาร และช่วยตัวเองไม่ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะว่าเรามีสมบัติภายในตัวเรา “เราไม่เก็บสมบัติของเราอยู่ในโลกนี้ แต่เก็บไว้ในสวรรค์” เราทำได้อย่างไร? ค้นหามันอีกครั้ง ค้นหาทรัพย์สมบัติที่อยู่ในสวรรค์ อัญมณีแท้ๆ ซึ่งเรามีภายใน ความยิ่งใหญ่มีค่าจริงๆ ภายในตัวของเราแท้ๆ

ฉันได้มาที่นี่เพื่อที่จะแสดงให้พวกเธอทราบถึงเรื่องนี้เท่านั้นเองไม่มีอย่างอื่น นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นหากพวกเธอต้องการที่จะทำสิ่งนี้ เราจะมีเวลาที่จะแสดงให้พวกเธอดูและนำทางพวกเธอผ่านขั้นตอนเบื้องต้น จนกระทั่งพวกเธอสามารถพบตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง และมีความสุขอยู่ที่นี่ และตลอดไปหลังจากนั้น ขอบคุณ (ทุกคนปรบมือ)

 
     
1 2 3 4