คำถามและคำตอบ
ถาม: ท่านอาจารย์ที่รัก วิถีกวนอิมได้บอกเราให้เพ่งสมาธิกับแสงและเสียงภายใน แต่ผู้ซึ่งเกิดมาตาบอดหรือหูหนวกจะปฏิบัติอย่างไร?
อาจารย์: โอ้! นี่ไม่ใช่แสงและเสียงจากภายนอก แต่มันเป็นสิ่งที่แท้จริงที่อยู่ภายในของเรา มันเป็นอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เราไม่จำเป็นต้องใช้ตาทางกายภาพและหูทางกายภาพเพื่อจะได้ยินมัน พวกเธอเข้าใจหรือไม่? ดังนั้นผู้ซึ่งตาบอดสามารถเห็น ผู้ซึ่งหูหนวกสามารถได้ยินมัน อาณาจักรของพระเจ้า มันไม่ใช่กายเนื้อ ที่เรากำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้
ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก การรู้แจ้งเป็นการเดินทางอันหนึ่ง ที่ทุกๆ จิตวิญญาณดำเนิน หน้าที่ของครูหรืออาจารย์คือช่วยเหลือผู้หนึ่งให้มีพัฒนาการผ่านไปตามการเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ ท่านก็ต้องเดินทางผ่านความยากลำบากเหมือนๆ กับการปฏิบัติที่ทุ่มเท ซึ่งพระพุทธเจ้า และกูรูนานัค (คุรุชาวซิกคนแรก) และอีกหลายๆ คนได้ผ่านมาแล้ว ดังนั้นท่านกล่าวได้อย่างไรว่าทำให้เหล่าศิษย์รู้แจ้งได้ในชั่วขณะ? ด้วยความเคารพอย่างสูง ท่านอาจารย์
อ: พวกเธอจะได้เห็น พวกเธอจะได้เห็นว่าอย่างไร ลองดูสิ (ปรบมือ)
ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก ในฐานะที่เป็นปัจเจกบุคคลที่รู้แจ้งแล้ว ท่านทำได้อย่างไรที่จะผ่านอุปสรรคของการรู้ว่า ท่านที่แท้คือใคร ทั้งมีความสงบและเบิกบาน ขณะที่เห็นคนอื่นๆ รอบๆ ท่านยังคงหลับอยู่ ผู้ซึ่งปฏิเสธหรือละเลยทาง ที่ท่านหวังว่าจะแสดงให้เขาได้ทราบ?
อ: โอ้! พวกเขาต่างมีทางเลือกของเขา ทุกๆ คนมีเสรีภาพที่จะกลับบ้านตอนนี้หรือวนเวียนอยู่ที่นี่ไปก่อน ดังนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหา เธอไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ถ้าเธอต้องการจะกลับบ้าน เธอก็ไป ถ้าพวกเขาไม่ต้องการที่จะกลับบ้าน ก็ให้เขาแบกรับไปและอยู่ที่นี่
 

ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก ฉันมีแมวอยู่ตัวหนึ่งและสุนัขตัวหนึ่ง และก็ให้อาหารเนื้อกับพวกมัน ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?

อ: ถามแมวและหมานั่นสิ ไม่ใช่ฉัน! (หัวเราะแล้วก็ปรบมือ) เอ้อ ฉันไม่ตัดสินใจว่า เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตของเธอ กับหมาหรือแมวยิ่งไม่คิด แต่ศิษย์ของเราบางคนก็ให้อาหารมังสวิรัติแก่พวกมัน พวกมันก็โอเค ฉันมีหมา 5 ตัว และพวกมันทั้งหมดก็เป็นมังสวิรัติ พวกมันทั้งหมดต่างรื่นเริงแล้วก็สุขภาพแข็งแรงและเป็นสุนัขที่สวยงาม ใช่ ไม่มีปัญหาอะไร ฉันยังเคยเลี้ยงแมวต่างๆ ด้วยอาหารมังสวิรัติเหมือนกัน พวกมันก็สบายดี พวกมันก็ไม่ได้บ่นอะไร ในร้านก็เหมือนกัน สำหรับอาหารสัตว์ พวกเขาก็มีอาหารมังสวิรัติสำหรับสุนัขและแมว บางทีเธออาจจะลองถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

ฉันให้อาหารชื่อว่า “วีซอง” (ยี่ห้อของอาหารสุนัขยี่ห้อหนึ่ง) แก่สุนัขของฉัน มันดี แต่ว่าสุนัขของฉันไม่กินอาหารสุนัข พวกมันกินอาหารของมนุษย์ ฉันทำอาหารเยอะแยะ ฉันให้อาหารพวกมันก่อน อะไรที่เหลือ ฉันจึงรับประทาน ในตอนแรก พวกมันกินอาหารสุนัข หลังจากพวกมันลองกินอาหารของฉัน พวกมันก็ไม่ต้องการอาหารสุนัขอีกต่อไป พวกมันจะย่องแอบเข้ามารอบๆ แล้วพวกมันก็มองฉัน ราวกับว่าจะพูดว่า “อะไร อะไรนั่น?” (หัวเราะ) ดังนั้น หลังจากนั้นฉันต้องให้อาหารพวกมันทุกๆ วัน พวกมันกินอาหารสุนัขเหมือนกัน เมื่อฉันไม่มีเวลาที่จะทำอาหาร พวกมันแค่กินนิดหน่อยพอเป็นพิธี แค่เพียงเพื่อจะทำให้ฉันรู้สึกดี แล้วรอสิ่งดีๆ จากครัว จากอาหารจริงๆ

 

ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก ท่านพูดว่า การประดิษฐ์ทั้งหลายและความคิดต่างๆ ที่มาจากจักรวาล เป็นขยะ ฉันมีสิ่งเหล่านี้มากมาย ดังนั้นหากได้รับการประทับจิตแล้วและบำเพ็ญ ฉันจะปรับปรุงขึ้นหรือไม่?
อ: โอ้ แน่นอน! เธอจะประดิษฐ์ขยะที่ดีขึ้น! (หัวเราะ) ฉันไม่ได้หมายถึงขยะ  สิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือ อะไรก็ตามที่เรามีอยู่ที่นี่แม้ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุด เป็นสิ่งที่เหลือค้างจากที่อื่น จากสังคมซึ่งพัฒนามากกว่า แต่ขณะที่เรายังพัฒนาไปไม่ถึงพวกเขา ขยะเหล่านี้ก็ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเราแล้ว! ดังนั้นโปรดประดิษฐ์และสะสมให้มากขึ้น! เราต้องการสิ่งเหล่านั้น
ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก ถ้าฉันได้รับประทานมังสวิรัติเป็นเวลานานแล้วแต่ยังคงรับประทานไข่อยู่  ฉันสามารถได้รับการประทับจิตหรือไม่?
อ: ได้ ไม่มีปัญหา! เพียงแต่อย่ารับประทานมันอีก ไข่ดึงดูดพลังทางด้านลบและทำให้เธอช้าในด้านการพัฒนาจิตวิญญาณ
ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างพระเจ้าและพระเยซู?
อ: ไม่มีอะไรแตกต่าง ฉันและพระบิดาของฉันคือหนึ่งเดียว พระองค์ไม่ได้บอกพวกเธออย่างนั้นหรือ? (ปรบมือ) เอาละ มีความแตกต่างอย่างหนึ่ง เพราะว่าเราเห็นพระองค์ ผู้คนสามารถเห็นพระองค์ในกายเนื้อ แต่เราไม่เห็นพระเจ้าในกายเนื้อ ดังนั้นเราจึงคิดว่า พระเจ้าและพระเยซูแตกต่างกัน แต่พระเจ้าปรากฏในพระเยซูเพื่อแสดงให้คนทั่วไปทราบถึงหนทางที่จะกลับไปสู่ตัวตนของพวกเขา
ถ: ท่านอาจารย์ ทำไมเราจึงมีความเจ็บป่วยทางร่างกาย? สิ่งนี้สอนเราบางอย่าง หรือเราจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อเอาชนะความเจ็บป่วยเหล่านี้?
อ: ความเจ็บป่วยเป็นการทำงานอย่างล้มเหลวในด้านจิตวิญญาณ สมอง อารมณ์ หรือกายเนื้อ ความเจ็บป่วยบางอย่างมาจาก “ความไม่สบาย” ทางจิตวิญญาณ บางอย่างมาจากภาวะอารมณ์ที่ไม่สมดุล และบางอย่างมาจากความไม่สบายด้านกายภาพ ดังนั้นเราต้องตรวจสอบว่าเป็นความเจ็บป่วยชนิดใด ความเจ็บป่วยส่วนใหญ่มาจากกรรมในอดีต แต่นอกเหนือจากนั้น เราไม่ได้ดูแลร่างกายนี้อย่างดีด้วย ร่างกายเหมือนดังรถยนต์คันหนึ่ง เราต้องเติมน้ำมัน เราต้องขัดถู เราต้องล้าง และเราต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และเติมน้ำมันเป็นครั้งเป็นคราว และตรวจสอบเครื่องยนต์เป็นช่วงว่า มันทำงานอย่างดีหรือไม่ แต่พวกเราหลายๆ คนดูแลรถของเราไม่ดี หากพวกเธอรู้สึกอ่อนเพลีย เศร้าซึม พวกเธอควรต้องรับประทานไวตามินและพักผ่อนอย่างดี ผ่อนคลายหรือทำโยคะ

หากพวกเธอไม่ต้องการที่จะได้รับการประทับจิตที่นี่จงไปหากลุ่มโยคะ  อย่างน้อยที่สุดออกกำลังกายด้านโยคะ หรือทำบางอย่างที่ดี และผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง หรือดูภาพยนตร์ที่ดี และคลายอารมณ์ ในการรับประทานไวตามิน ให้รับประทานไวตามินบี 12 มากขึ้น ถ้าพวกเธอรู้สึกหดหู่ นั่นคือสิ่งที่เขาพูดว่า มันช่วยแก้ความรู้สึกหดหู่ ให้รับประทานไวตามินรวมหลายๆ ชนิดเพื่อทดแทนสารอาหารที่ขาดไปในมื้ออาหารของเรา เพราะว่าพวกเราบางคนรับประทานอาหารที่เป็นขยะตลอดเวลาและไม่ทราบถึงมัน และหวังว่า รถจะวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเธอต้องใส่น้ำมันในรถยนต์ มิฉะนั้นแล้วมันจะไม่วิ่ง และร่างกายนี้ต้องการสารอาหารจำนวนมาก มันต้องการโปรตีน มันต้องการผลไม้ ต้องการผัก และมันต้องการอาหารดีๆ หากพวกเธอยังคงรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทุกวันและไม่สมดุล ดังนั้นแน่นอน ร่างกายของเราก็จะไม่สมดุลไปด้วย

ถ: ท่านอาจารย์ที่รัก มันเป็นจริงหรือไม่ว่า หลังจากการประทับจิตแล้ว เราต้องเสียสละความร่ำรวยและสิ่งที่เรามีของโลกนี้ เช่น เงินทอง เครื่องเพชร เพื่อที่ว่าจะได้รู้แจ้ง?
อ: ถ้าพวกเธอต้องการเช่นนั้น (หัวเราะ) แต่มันไม่จำเป็นต้องเสียมากขนาดนั้น มันเสียเวลาแค่เพียง 2-3 ชั่วโมง/วัน หากพวกเธอสามารถแบ่งเวลาได้ ไม่มีอย่างอื่นอีก เงินทองไม่เคยต้องเสีย ให้พวกเธอเก็บทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พวกเธอมีอยู่ขณะนี้ไว้ ฉันไม่เคยต้องการสิ่งใดก็ตามจากพวกเธอ ไม่เคยตลอดไป เก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ และสนุกกับชีวิตนี้และได้พระพร ขณะที่พวกเธอทำสมาธิ เพียงแค่นั้น ดังนั้นพวกเธอสามารถมีทั้ง 2 อย่าง (ปรบมือ)
ถ: ท่านอาจารย์ อะไรอยู่ในหัวข้อไม่ประพฤติผิดทางกามที่อยู่ในศีล 5 บ้าง? และสิ่งนี้รวมถึงรักร่วมเพศด้วยหรือไม่?
อ: ประพฤติผิดทางกามหมายถึง พวกเธอไม่ควรจะหมกมุ่นในกิจกรรมทางกายเหล่านี้มากนักและละเลยการปฏิบัติทางจิต หากพวกเธอเกิดรักใครสักคนหนึ่งซึ่งมีเพศเดียวกัน เธอก็ควรจะปฏิบัติอย่างปานกลางเช่นกัน รักร่วมเพศไม่ใช่สิ่งต้องห้าม มันคือแค่ว่า เธอควรจะมีความรัก ถ้าหากเธอรักจริงๆ ไม่ใช่แค่เพศสัมพันธ์ เพศสัมพันธ์อย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ดี ความรักเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าพวกเธอจะรักผู้หญิง ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง หรือระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง หรือระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย เพราะว่าเรารัก เมื่อเรารัก มันเกิดขึ้นด้วยหัวใจและวิญญาณ เมื่อเรามีเพศสัมพันธ์เพียงเพื่อจุดมุ่งหมายของมันแค่นั้น มันเป็นเพียงแค่ทางร่างกาย มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านอารมณ์และภาระหน้าที่ มันไม่ได้เกี่ยวพันกับการยกระดับจิตใจ

ดังนั้นมันจึงไม่เป็นที่น่าพอใจ และมันทำให้ความรู้สึกเราเสื่อมถอยลง หลังจากนั้นเราไม่รู้สึกดี นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าประพฤติผิด ถ้าเธอมีคนรัก เธอควรจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งโดยการมีหลายๆ คน เป็นต้น เพราะว่าความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้มา ไม่ควรนำมาใช้ในทางที่ผิด มันจะเป็นการดีกว่า ถ้าจะกระทำกิจทางเพศไปพร้อมกับความรัก เมื่อนั้นเธอจะรู้สึกดีกว่ามาก เธอจะรู้สึกสูงส่งกว่า คนส่วนมาก หลังจากบำเพ็ญทางจิตวิญญาณแล้ว จะกระทำกิจทางกายนี้เพียงเป็นครั้งคราว เพื่อจะมีบุตร เออ ฉันพูดไปไกลเกินไป (หัวเราะ) เก็บความรักของเธอ อะไรก็ตามที่เธอทำ ทำมันด้วยความรัก แล้วมันจะดี (ปรบมือ)

 
     
1 2 3 4