ประธาน: ต่อไปจะเป็นเอาหลัก เนื่องจากมีอุทกภัย มีบุคคลที่ประสบเคราะห์ร้ายเป็น 2 ล้านคน ท่านใช้เงินจำนวนเท่าไรไปช่วยเหลือแก่พวกเขาและเงินจำนวนนี้มาได้อย่างไร ซึ่งคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องข้าวสาร เกลือ น้ำมัน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นผมจึงได้เรียนถามตรง ๆ

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ฉันจำไม่ค่อยได้ เพราะว่ามันนานแสนนานมาแล้ว มิใช่ว่าฉันไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ แต่ฉันนับไม่ไหวแล้วว่า เราช่วยเหลือมากี่ประเทศแล้ว และว่าเรามอบสิ่งอุปโภคบริโภคไปมากเท่าใด มีใครจำปริมาณได้หรือไม่? ฉันจำไม่ได้

ประธาน: ความหมายของกระผมคือ สมมติว่าได้มาจากการบริจาคทั้งหมด

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ท่านถามว่าเงินมาจากไหน? ใช่ไหม

ประธาน: เงินมาได้อย่างไร?

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: คือเราได้มาจากธนาคาร (เสียงหัวเราะ) เดี๋ยวนี้ฉันออกแบบเสื้อผ้าที่มีราคาแพงยิ่งขึ้น ฉันยังได้ออกแบบสิ่งที่เล็ก ๆ น้อยในสมัยนั้นหรือเราทอหมวกหรือสิ่งอื่น ๆ เพื่อขาย ในการเป็นผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณ เรารับประทานอาหารมังสวิรัติเพียงวันละ 1-2 มื้อ ชีวิตเรียบง่ายยิ่งนัก เราอาศัยอยู่ในเต็นท์และมีเสื้อผ้าไม่มาก เพียง 2 หรือ 3 ชุด ดังนั้นเราจึงเก็บเงินส่วนใหญ่ที่เราหามาได้เอาไว้และใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัย

เรายังมีเพื่อนบำเพ็ญซึ่งอาสาสมัครที่จะมอบเงิน เราจะไม่รับเงินบริจาคโดยตรงจากเพื่อนบำเพ็ญ หากพวกเขาต้องการบริจาค ก็ให้ส่งโดยตรงไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบกระเทือน สำหรับยังมีเพื่อนบำเพ็ญชาวฟอร์โมซาซึ่งได้จัดหาเงินบริจาคให้กับประเทศฟิลิปปินส์และประเทศและสถานที่อื่น ๆ อีกมากมาย และประเทศฟอร์โมซาขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติ เราได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มชาวฟอร์โมซาซึ่งได้รับการเอ่ยถึงไปทั่วโลก

 

 

พ.ศ.2539 ท่านอาจารย์พบกับสมเด็จสีหนุ กษัตริย์ของประเทศกัมพูชา

ประธาน: ในส่วนนี้เราอาจสามารถขอคำชี้แจงเพิ่มเติมได้ที่สมาคมปฏิบัติธรรมแห่งไต้หวัน ส่วนที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบรรยายธรรม อยากทราบว่าท่านได้รับบริจาคมาได้อย่างไร และนำออกไปใช้จ่ายได้อย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญมาก แต่ผมคิดว่าอีกสักครู่ต่อมาเมื่อได้เข้าร่วมงานสัมมนา จะสามารถนำออกมาตั้งเป็นคำถามได้ ในงานอาจจะมีบุคคลสำคัญซึ่งเป็นผู้นำของสมาคมปฏิบัติธรรมอยู่ด้วย ดังนั้นต่อไปนี้เรา เนื่องจากเวลามีค่า ยังมีกัมพูชาอีก ขอเรียนถามถึงเหตุการณ์ของกัมพูชาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในปี 2539 ท่านอาจารย์ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชา

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ทั่วทั้งประเทศทราบเรื่องนี้ เงินบริจาคมาจากทั่วทั้งประเทศ มิใช่เพียงจากกลุ่มของเรา ทุก ๆ คนบริจาคเพียงเล็กน้อย และเราก็ส่งอะไรก็ตามที่เราเก็บได้ ไปประเทศกัมพูชา เราส่งไปมากเท่าใดนั้น ฉันก็ลืมไปแล้ว จริง ๆ ฉันลืมอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่า มันเป็นจำนวนมาก ประมาณข้าว 6,000 ตัน ท่านสามารถหาข้อมูลได้ในหนังสือพิมพ์ เราส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปกัมพูชา เพราะประเทศนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาเป็นเวลานาน ประชาชนอดอาหารและพืชพันธุ์ไม่เติบโต

เดี๋ยวนี้พวกเขาไม่มีปัญหา พวกเขาเก็บข้าวปริมาณหนึ่งซึ่งเราบริจาคให้เพื่อนำไปปลูกในภายหลัง นายกรัฐมนตรีรายงานให้ฉันทราบว่า “ท่านอาจารย์ เราปลูกข้าวไว้หลายทุ่งนาจากข้าวที่ท่านบริจาคมา และผลที่ได้ก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา” ความช่วยเหลือที่เรามอบให้มิเพียงช่วยเหลือในขณะนั้น แต่ช่วยคนในรุ่นอนาคตด้วย บัดนี้เด็ก ๆ และผู้เฒ่าต่างก็แต่งตัวและรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม พวกเขารู้สึกเป็นบุญคุณต่อชาวฟอร์โมซาอย่างยิ่ง ต่อเพื่อนบำเพ็ญและอื่น ๆ สำหรับความช่วยเหลือของพวกเขา
 

 


ประธาน: คำถาม 2 ข้อสุดท้ายแล้วเกี่ยวกับกัมพูชา ณ ที่นี้ได้กล่าวถึงในปี 2539 ท่านได้จัดฌานครั้งที่ 6 ขึ้นที่กัมพูชา ขอเชิญให้ท่านอธิบายเกี่ยวกับการจัดฌานโดยสังเขปด้วยครับ

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ทุกปีเราต่างก็สงวนเวลาเล็กน้อย นั่งสมาธิสำรวจตนเอง เพราะพุทธะอยู่ในใจ เพื่อเสริมทวีการตระหนักรู้ในใจของเราให้มาก นั่งฌานก็เป็นเช่นนี้ อะไรต่างก็ปล่อยวางลงมา 3 วัน 5 วัน หรือว่า 7 วัน ดูสภาพ ทั้งหมดต่างก็เพื่อพุทธภูมิ เพื่อรวมศูนย์กับพระเจ้าภายใน นั่นเรียกว่านั่งฌาน ทุกปีเราต่างก็มี ในประเทศต่าง ๆ ครั้งสุดท้ายก็คือในประเทศไทยก็มีนั่งฌาน เดี๋ยวผ่านไปหลายวัน เราอยู่ในเกาหลีก็มีนั่งฌาน เราทำก็เพื่อตนเองเช่นนี้ ยังมีเพื่อสันติภาพของโลก รวมตัวกันขึ้นมา พลังมากกว่า อธิษฐานสะดวกกว่า นั่งฌานก็เป็นเช่นนี้!

ประธาน: กระผมคิดว่าเวลาอาจผ่านไปแล้ว 35 นาที รอบแรกในกิจกรรมการเกี่ยวกับประชาชนชาวจีนเอเชียอาคเนย์ที่จัดอย่างเรียบง่าย กระผมเองได้ตั้งคำถามหลาย ๆ คำถามเพื่อขอคำชี้แนะจากท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ต่อจากนี้เราจะขอเชิญศาสตราจารย์หร่วนซือเจิงแห่งมหาวิทยาลัยไต้หวันมาทำการวินิจฉัยให้กับเรา (ทุกท่านปรบมือ)
 

 คำวินิจฉัยของนักวิชาการ
 
 

ศาสตราจารย์หร่วน: วันนี้ได้เชิญท่านอนุตราจารย์ชิงไห่มาในงานด้วยตนเอง กระผมและผู้คนต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ กระผมคิดว่า หน่วยงานที่จัดงานยังมีอีกหลายท่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ต่างไม่คาดคิดว่า ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่จะมาร่วมงานด้วยตนเอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง หัวข้อในวันนี้คือธรรมวิถีกวนอิมของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่กับชาวจีนเอเชียอาคเนย์ สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้จะเน้นเนื้อหาในข้อมูลของบทวิจารณ์ที่ให้มาเป็นหลัก หัวข้อจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเอเชียอาคเนย์ ข้าพเจ้าทราบว่าในงานมีนักวิชาการอยู่เป็นจำนวนมาก ประธานชูของเรา ท่านเป็นนักวิจัยชาวจีนสากลท่านหนึ่งเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านมีผลงานที่ดีเด่นในด้านการวิจัยชาวจีนที่อินโดนีเซียและศาสนาอื่นของอินโดนีเซีย ยังมีนักวิชาการอื่น ๆ แห่งกรมศาสนาไต้หวันหรือว่านักวิชาการสร้างแผนปฏิบัติการแห่งศูนย์วิจัยเอเชียอาคเนย์อีก ข้าพเจ้าคิดว่า พวกท่านทั้งหลายอาจจะมีความเหมาะสมยิ่งกว่าข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้กล่าวในสิ่งที่ตนได้รวบรวมมาต่อไปนี้ ส่วนที่สำคัญจะเน้นเนื้อหาในบทความที่เกี่ยวข้องกับธรรมวิถีกวนอิมของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่

ข้าพเจ้าจะอ่านข้อมูลข่าวสารที่สมาคมปฏิบัติธรรมอนุตราจารย์ชิงไห่ได้ให้มาก่อน เราต่างได้ฟังการเทศนาของท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ด้วยตนเองแล้ว ความรู้สึกที่ข้าพเจ้ามีอยู่คือ ธรรมวิถีกวนอิมและผู้นำของธรรมวิถีกวนอิมต่างมีสิ่งที่พิเศษมาก อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งใหม่ที่แปลกมาก ซึ่งมีความแปลกใหม่จริง ๆ เพราะเมื่อมองจากภาพพจน์รวมแล้ว การพูดจาและกระทำของผู้นำท่านนี้มักจะอยู่นอกเหนือกฎระเบียบเก่า ๆ อาจไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบทั่วไปทางสังคมที่เราเคยชิน อาจกล่าวได้ว่ามีความเป็นพิเศษที่อยู่เหนือกฎระเบียบ ซึ่งต่างจากธรรมดาทั่วไปมาก อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ มนุษย์จึงยากที่จะทำความเข้าใจ แยกแนวและแยกพรรคพวกตามยึดมั่นคงอยู่และตามกฎระเบียบที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นในสายตาของชาวโลก ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่กับผู้นำทางศาสนาอื่นมีความแตกต่างกันอย่างมาก

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่เป็นสตรีชาวเอเชีย ซึ่งภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ประเทศเอาหลัก แต่ท่านสามารถใช้ภาษาจีน อังกฤษ เอาหลักและเยอรมัน ฝรั่งเศสในเทศนาและสนทนาในทวีป 5 ทวีปของโลก ท่านเชี่ยวชาญคัมภีร์ต่าง ๆ ของศาสนาหลักของโลกทุก แต่กลับใช้คำพูดที่เรียบง่าย ธรรมดามาบรรยายถึงคำสอนทางศาสนาที่มีความหมายอันลึกซึ้ง ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่รับลูกศิษย์ที่มาประทับจิตที่มีพื้นฐานต่างชนชาติ ต่างศาสนา แต่กลับไม่เคยเรียกร้องให้พวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงความศรัทธาในศาสนาเดิมที่ตนมีอยู่ หน้าที่อันสำคัญของท่านคือการถ่ายทอดธรรมวิถีแห่งการหลุดพ้นที่มีความล้ำลึกอยู่เหนือโลก แต่ท่านกลับมีความห่วงใยในความทุกข์ยากของชาวโลก ซึ่งบางโอกาสได้ปฏิบัติงานการกุศลในการให้ความช่วยเหลือในด้านการกู้ภัยตามวาระ เวลาอันจำเป็น

ธรรมวิถีกวนอิมที่ท่านถ่ายทอด เป็นวิธีการที่เรียบง่ายและดูมีความแปลกใหม่ แต่ได้ยินกล่าวมาว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด ท่านเรียกร้องให้ลูกศิษย์ถือศีล 5 โดยเคร่งครัด รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดชีพ ทุกวันให้นั่งสมาธิ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้เดินสายกลาง ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง หวังว่าลูกศิษย์จะปรารถนาใช้ชีวิตที่มีความงาม ความจริงและความดี ท่านเทศนาควบคู่ไปกับการประพันธ์บทกวี การประพันธ์ดนตรี การบรรเลงดนตรี การขับร้องเพลง การวาดภาพ การทำกับข้าว และแต่งตำราอาหาร

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: สิ่งนี้สำคัญที่สุดสำหรับชาวจีน (นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชาวจีน)

ศาสตราจารย์หร่วน:  ยังมีการออกแบบเสื้อผ้าและอัญมณี ยังมีการจัดนิทรรศการทางด้านผลงานศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้จัดงานแฟชั่นเสื้อผ้า งานดนตรีในยามราตรีตามเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงของโลก ทำให้คนสัมผัสไม่ได้หรืออาจสงสัยว่าท่านเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่งหรือไม่ (ผู้คนหัวเราะ) ท่านสามารถทุ่มเททั้งเงินทองและแรงกายในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือคนที่มีความต้องการมากที่สุดโดยทางด้านวัตถุและจิตวิญญาณ  แต่ท่านกลับไม่มีการสร้างวัด โบสถ์ และไม่รับบริจาคจากผู้อื่น แม้ว่าทุก ๆ แห่งจะมีลูกศิษย์ขอร้องอยากให้ท่านอยู่ที่นั่นประจำก็ตาม แต่ท่านกลับเดินทางท่องไปทั่วโลก ท่านอยู่ไม่เป็นที่ ไม่ยอมผูกมัดตนเองไว้ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นประจำก็ตาม ท่านมีความรักต่อมนุษย์ชาติ ช่วยเหลือด้วยความจริงใจและสุดความสามารถ แต่บางครั้งเพราะมีความรักที่มีเหลือล้น ทำให้ท่านเคยถูกยกย่องว่าเป็นอาจารย์ผู้รู้แจ้งที่ชอบดุด่าคน

เมื่อชาวโลกได้มีการกล่าวถึงยุคแห่งการสิ้นสุดธรรม วันสิ้นสุดของโลกที่น่ากลัวจะมาถึง แต่ท่านกลับกล่าวสรรเสริญว่า โลกมนุษย์กำลังจะก้าวเข้าสู่แห่งศตวรรษใหม่แห่งยุคทอง ทราบข่าวมาว่าเมื่อท่านอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยในที่ลึกได้รับการรู้แจ้งโดยสมบูรณ์ แต่ท่านกลับกล่าวว่าบุคคลที่ได้รับการประทับจิตไม่จำเป็นต้องเข้าป่าบำเพ็ญทุกรกิริยา ปฏิบัติธรรมอยู่ในบ้าน สามารถได้รับการรู้แจ้งจากการบำเพ็ญ ท่านสามารถดึงดูด นำพาลูกศิษย์เป็นร้อยเป็นพันบินไปมาบนโลกมนุษย์และจัดฌานนานาชาติตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก (ผู้คนหัวเราะ)

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ฟังดูเหมือนว่าเราอิทธิฤทธิ์นะ!

ศาสตราจารย์หร่วน: ซึ่งดูเหมือนจะร้ายกาจยิ่งกว่าการเดินท่องเที่ยวไปจังหวัดอีกมากเลยทีเดียว (ผู้คนหัวเราะ)

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: เราฝึกฝนอิทธิฤทธิ์นะ ท่านศาสตราจารย์!

ศาสตราจารย์หร่วน: ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ของงานถึงคนจำนวนหลายพันคน บางครั้งยังต้องพบปะกับนักการเมืองสำคัญของประเทศต่าง ๆ และปฏิบัติงานการกุศล แต่ท่านกลับกล่าวว่าตนเองเป็นคนขี้อาย เดิมมีชอบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ท่านมักจะออกงานตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ต่างกัน โดยได้แต่งกายในเสื้อผ้าที่หรูหราที่ซึ่งออกแบบด้วยตนเองและชุดประจำชาติของประเทศต่าง ๆ โดยปรากฏกายในภาพพจน์ที่แตกต่างกันเสมือนสตรีพันหน้า และเป็นเพราะสาเหตุนี้ทำให้ท่านมักจะถูกคนเข้าใจผิดและมีมีการโจมตี แต่ท่านกลับไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบุคลิกประจำตัว โดยยอมรับอย่างง่าย ๆ และแสดงบทบาทต่อไป สรุปว่า ท่านได้กล่าวว่า ตนเป็นผู้ถ่ายทอดธรรมวิถีที่เก่าแก่ที่สุด แต่การแสดงออกของท่านกลับดูทันสมัยมาก (ผู้คนหัวเราะ) ซึ่งท่านเองก็หวังว่าให้ลูกศิษย์ของตนเองสามารถที่จะกระทำตนให้เป็นบุคคลบำเพ็ญสมัยปัจจุบันแห่งยุคโลกาภิวัฒน์

จากการแสดงออกที่นอกเหนือธรรมเนียมและอยู่เหนือธรรมดาต่างจากทั่วไปอย่างมากดังที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้คนได้พบมิติใหม่ แต่ทำให้ชาวโลกเกิดการไม่เข้าใจเกิดขึ้นไม่น้อย สิ่งที่ชาวโลกจะไม่เข้าใจและสงสัยในชั่วขณะซึ่งเราสามารถเข้าใจได้ แต่เรามิอาจปฏิเสธได้ว่า ท่านเป็นบุคคลที่สอนคนให้มีความดีและความสูงส่งทั้งทางจิตวิญญาณและวัตถุ ซึ่งไม่มีการแสดงออกที่บ่งชี้ถึงความเกียจคร้านและเป็นทางลบ ดังนั้นเราคิดว่า สำหรับบุคคลทั่วไปในสังคม นักศึกษาทางด้านศาสนาหรือผู้บำเพ็ญแล้ว ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่และธรรมวิถีกวนอิมของท่านมากน้อยได้ให้ข้อมูลข่าวสารและทางเลือกใหม่ ๆ อีกแบบหนึ่งแก่พวกเรา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ซึ่งคือทางเลือกใหม่อย่างหนึ่ง (ผู้คนหัวเราะ)

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ขอบคุณมาก!

ศาสตราจารย์หร่วน: สังคมเสรีภาพที่มีหน่วยงานมากมายล้วนให้การยอมรับในสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่มีผลร้ายโดยทั้งหมด ผมคิดว่า เกี่ยวกับการแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ ของท่านอนุตราจารย์ควรจะทำให้เราเกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะการอุทิศเสียสละที่เป็นรายการแปลกใหม่ที่หลากหลายของท่าน ได้ทำให้เกิดทางเลือกแห่งวิถีชีวิตที่อิสระเกิดขึ้นมากมายในสังคมของเรา ทำให้วัฒนธรรมแห่งวิถีชีวิตในสังคมของเรากลายเป็นสิ่งที่มีสีสันมากมายและสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า สุดท้ายข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ขอให้พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน และขอให้ท่านเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าช่วยกล่าวสิ่งที่ดี ๆ ให้กับชาวจีนฟอร์โมซาและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งชาวโลกอีกด้วย (ทุกคนปรบมือ)

 
 

ธรรมวิถีกวนอิม คือ หนทางที่จะนำเรากลับไปสู่ธรรมชาติความเป็นพระเจ้าและอาณาจักรแห่งสวรรค์ที่อยู่ภายในตัวเรา

ศาสตราจารย์หร่วน: สังคมเสรีภาพที่มีหน่วยงานมากมายล้วนให้การยอมรับในสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่มีผลร้ายโดยทั้งหมด ผมคิดว่า เกี่ยวกับการแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ ของท่านอนุตราจารย์ควรจะทำให้เราเกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะการอุทิศเสียสละที่เป็นรายการแปลกใหม่ที่หลากหลายของท่าน ได้ทำให้เกิดทางเลือกแห่งวิถีชีวิตที่อิสระเกิดขึ้นมากมายในสังคมของเรา ทำให้วัฒนธรรมแห่งวิถีชีวิตในสังคมของเรากลายเป็นสิ่งที่มีสีสันมากมายและสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า สุดท้ายข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ขอให้พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน และขอให้ท่านเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าช่วยกล่าวสิ่งที่ดี ๆ ให้กับชาวจีนฟอร์โมซาและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งชาวโลกอีกด้วย (ทุกคนปรบมือ)

ต่อจากนี้ข้าพเจ้ามีคำถามหลายคำถามที่จะขอเรียนถาม คำถามแรกเป็นคำถามเกี่ยวกับคุณลักษณะและความหมายทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับธรรมวิถีกวนอิม ซึ่งข้างในนี้รวมคำถามย่อยอีก 3 คำถาม ข้อแรกคือบุคคลที่ศึกษาทางศาสนาและบุคคลในสังคม ได้มองธรรมวิถีกวนอิมเป็นศาสนาที่เกิดขึ้นมาใหม่ หน่วยงานที่จัดงานเองก็เคยใช้ชื่อศาสนาชิงไห่มาเรียกเป็นนามของกลุ่มปฏิบัติธรรมของท่าน ผมใคร่จะขอเรียนถามว่า ธรรมวิถีกวนเป็นศาสนาหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นคำถามแรก เป็นคำถามย่อยแรก

 
 ศาสนาทั้งมวลล้วนกำเนิดจากวิถีกวนอิม
 


ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: วิถีกวนอิมไม่ใช่ศาสนา อย่างไรก็ตาม ทุกศาสนาล้วนกำเนิดจากวิถีกวนอิม ขณะนี้มีศาสนาอยู่ในโลกนี้มากมายเกินไปอยู่แล้ว ฉันไม่อยากจะเติมเพิ่มไปอีกศาสนาหนึ่งในรายการ ฉันมิได้มีความตั้งใจเช่นนั้นมาแต่แรก มิฉะนั้นฉันคงทำมาตั้งนานมาแล้ว มันคงดีที่จะได้ยินคนเอ่ยถึงท่านว่าเป็น “ผู้ก่อตั้งศาสนา” (เสียงหัวเราะ) แต่ด้วยการบำเพ็ญวิถีกวนอิม เรากำลังหันกลับมาฟื้นคืนตัวตนเดิมแท้ของเรา ศาสนาต่าง ๆ ทั่วไปแล้วจะเอ่ยถึงประสบการณ์ของคนในอดีตกาล เช่น พระเยซูคริสต์ เป็นต้น ประเด็นที่จะเอ่ยถึง มักจะเป็นความสามารถหรืออำนาจเหนือธรรมชาติที่พระองค์ได้รับจากการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณว่า พระองค์กลับไปรวมตัวกับพระเจ้าอย่างไร ว่าศิษย์ของพระองค์สำเร็จอะไรในระหว่างการบำเพ็ญ และว่าในท้ายที่สุดพวกเขารวมตนกับพระเจ้าอย่างไร ในกรณีของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ประเด็นคือว่า พระองค์บรรลุอะไรจากการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ ว่าพระองค์กลายเป็นพุทธะได้อย่างไร (เป็นอาจารย์ผู้รู้แจ้ง) และว่าสานุศิษย์ของพระองค์ได้บำเพ็ญและกลายเป็นพุทธะในลักษณะเดียวกันได้อย่างไร

ทุกวันนี้วิถีกวนอิมของเรานั้นจะสอนให้เราเดินในสายทางเดียวกัน ดังนั้นทุก ๆ ศาสนากำเนิดมาจากวิถีกวนอิม ผู้คนจะเรียกมันว่า “ความเป็นคริสต์” เพราะพระเยซูคริสต์ได้มา ผู้คนจะเรียกมันว่า “ความเป็นพุทธะ” เพราะพระพุทธเจ้าได้มา นี่คือวิธีที่ศาสนาจำนวนมากได้บังเกิดมา ฉันขอร้องท่าน อย่าเรียกเราว่าศาสนาชิงไห่เมื่อฉันสิ้นชีวิตไปแล้ว! (เสียงหัวเราะ)

ศาสตราจารย์หร่วน: ถูกต้อง บุคคลในสังคมและนักศึกษาทางศาสนาเรียกกลุ่มปฏิบัติธรรมของท่านว่า กลุ่มปฏิบัติธรรมวิถีกวนอิมหรือศาสนาชิงไห่ ท่านยอมรับนามของคำว่า “ลัทธิศาสนาชิงไห่” นี้ไหม?


ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: แน่นอน ท่านมีสิทธิ์ที่จะเรียกเราด้วยชื่อใด ๆ ก็ได้ที่ท่านต้องการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าเรารู้สึกว่า เราเป็นเพียงกลุ่มซึ่งอุทิศตนเพียงเพื่อการรู้จักตัวเดิมแท้ของเรา เราจึงไม่ต้องการสร้างศาสนาขึ้นมาอีกศาสนาหนึ่ง เรากังวลว่า มันอาจจะก่อให้เกิดการปะทะกันหรือสร้างความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นมามากกว่านี้ได้ เราเพียงต้องการรู้จักธรรมชาติแห่งความเป็นพระเจ้าของเรา คุณภาพอันยอดเยี่ยมสุดภายในของเรา ดังนั้นเราจึงไม่คิดว่า มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะเรียกชื่อเราเป็นอันใด อย่างไรก็ตาม ก็ไม่เป็นไร หากท่านจะเรียกเราว่าศาสนาชิงไห่ แต่เราจะไม่พิมพ์ลงไปบนนามบัตรของเรา!

ศาสตราจารย์หร่วน: คำถามย่อยที่ 2 แท้จริงแล้วจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่กล่าวมาแล้วก็คือ ท่านเคยกล่าวว่า ท่านไม่ขึ้นอยู่กับศาสนาใด

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ถูกแล้ว

ศาสตราจารย์หร่วน: ขอเรียนถามว่า ธรรมวิถีกวนอิมกับศาสนาอื่น ๆ เกี่ยวข้องกันอย่างไร ไม่ทราบว่า เมื่อท่านตอบคำถามย่อยแรกนี้ ได้พลอยตอบคำถามของข้อที่ 2 นี้ไปแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม ขอให้ท่านอธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยครับ!

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ขอฉันขยายความ ฉันเคยอธิบายแล้วว่า มันไม่มีศาสนาใดมาแต่ต้น ก่อนพระพุทธเจ้าจะมา ก็ไม่มีศาสนาพุทธ ก่อนพระเยซูคริสต์มา ก็ไม่มีศาสนาคริสต์ ก่อนพระมะหะหมัดมา ก็ไม่มีศาสนาอิสลาม ผู้รู้แจ้งทั้งมวลมาที่นี่เพื่อกระทำผ่านความประสงค์ของพระเจ้าและถ่ายทอดวิถีแห่งความหลุดพ้นนี้สู่ผู้คนซึ่งพร้อมที่จะกลับบ้าน หลังจากที่เหล่าอาจารย์และสานุศิษย์ของท่านสิ้นชีวิตไป ผู้คนในยุคสมัยต่อมาทราบเกี่ยวกับคำสอนของเหล่าอาจารย์นั้นเพียงเล็กน้อยยิ่งนัก ดังนั้นสายธารก็ขาดสะบั้นไป ผู้คนบูชาพระรูปหรือคำสอนทางวาจาโดยไร้พลังการถ่ายทอดจากจิตสู่จิต ดังนั้นนาน ๆ ไปจึงเกิดศาสนาขึ้น อย่างไรก็ตาม วิถีกวนอิมเป็นวิถีที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นหนทางเดียวที่จะกลับบ้าน ท่านมีทางเดียวที่จะนำท่านไปสู่บ้านของท่าน มันก็เป็นเช่นนั้น

ศาสตราจารย์หร่วน: คำถามย่อยที่ 3 ก็คือที่ฟอร์โมซาหรือต่างประเทศล้วนมีชื่อของธรรมวิถีกวนอิมหรือมีการถ่ายทอด ขอเรียนถามว่า ธรรมวิถีกวนอิมที่ท่านถ่ายทอดมีความแตกต่างอย่างไร เป็นเพราะดูเหมือนว่าหัวข้อนี้ชื่อว่า “ธรรมวิถีกวนอิมของอนุตราจารย์ชิงไห่…”

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: เป็นคนอื่นที่ตั้งชื่อไว้อย่างนั้น เวลาเราบำเพ็ญวิถีกวนอิม เราจะฟังเข้าไปภายในสู่ธรรมชาติเดิมแท้ของเรา หมายความว่าเราทำสมาธิเพ่งกระแสเสียงภายใน ธรรมชาติเดิมแท้ของเราและธรรมชาติอันเป็นพระเจ้าของเรา หากมีคนอื่นก็สอนในสิ่งเดียวกัน เมื่อนั้นพวกเขาก็สอนธรรมวิถีกวนอิมเช่นกัน ยกเว้นว่าเขาอาจจะเรียกเป็นอีกชื่อหนึ่ง เช่น “กระแสแห่งเสียง” หรือ “เสียงภายในของพระเจ้า” หรือ “พระสุรเสียง” หากพวกเขาทำให้เราสามารถได้ยินเสียงธรรมชาติแห่งความเป็นพระเจ้าของเราที่อยู่ภายใน ได้ยินอาณาจักรแห่งสวรรค์ภายในของเรา และเห็นแสงภายในได้ เมื่อนั้น วิถีของเขาก็คือวิถีเดียวกันกับของเรา

ศาสตราจารย์หร่วน: นี่เป็นคำถามที่ 2 ซึ่งเป็นคำถามเกี่ยวกับลัทธิกลุ่มการบำเพ็ญของท่าน พวกเราทราบมาว่า ไม่ว่าจะเป็นศาสนาคริสต์ที่เก่าแก่หรือลัทธิเต๋าตลอดแนวซึ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างว่า ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ศาสนาจนถึงผู้สอนศาสนา ซึ่งข้างในนี้จะมีลัทธิสำคัญเสื้อแดง ลัทธิสำคัญ กลุ่มความลับ ศาสดาและบาทหลวง เต๋าตลอดแนวจะมีอาจารย์ อาจารย์แม่ นักพรต ผู้ถ่ายทอดธรรม เจ้าของสถานธรรม อาจารย์ผู้ชี้นำซึ่งพวกเขาต่างมีองค์กรที่เป็นหน่วยงานใหญ่ มีการจัดองค์กรทางศาสนา รวมทั้งมีการจัดระดับชั้นที่มีการแบ่งอย่างเข้มงวดและชัดเจน เนื่องจากเป็นองค์กรที่ใหญ่มาก และมีระดับชั้นที่แบ่งแยกอย่างเข้มงวดลึกลับ

ดังนั้นการทำงานจึงดูมีประสิทธิภาพสูงและมีความว่องไว มีความรวดเร็วมาก แต่เป็นการกระทำที่จะก่อให้กลายเป็นกฎระเบียบแห่งนักการบริหารงานในหน่วยงานข้าราชการแบบหนึ่ง นี่คือสภาพการณ์ทั่วไปที่พวกเราทราบมา แต่แล้วลูกศิษย์ธรรมวิถีกวนอิม? ปัจจุบันมีแบ่ง 5 ทวีป จำนวนคนที่แท้จริง ข้าพเจ้าไม่ทราบ คิดว่าอย่างน้อยที่สุดก็คงจะมีหลายแสนคนขึ้นไป? ข้าพเจ้าไม่ทราบตัวเลขนี้ แต่คิดว่า ในอนาคตคงจะมีเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่านี้ แต่จากเราสังเกตกลุ่มบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมจากบทความในข้อมูลที่ข้าพเจ้าอ่านมา ท่านอาจารย์ท่านกับลูกศิษย์รู้สึกจะมีแต่ธรรมทูตกวนอิมซึ่งเป็นชื่อเรียกที่ดูจะเป็นทางการ ดังนั้นถ้าหากเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันธรรมวิถีกวนอิมดูจะไม่ใช่ลัทธิที่มีองค์กรและหน่วยงานที่เข้มงวดลึกลับ แต่องค์กรที่ไม่ค่อยมีความเข้มงวดนี้จะสามารถจัดงานการเผยแพร่ธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่ได้ประสิทธิผลหรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะสามารถยั่งยืนต่อไปหรือไม่ จากการมองรูปการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าสามารถทำได้จริง ๆ เนื่องจากการจัดกิจกรรมทุกครั้งจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นเพราะว่าเสน่ห์ส่วนบุคคลของผู้นำศาสนา แต่ว่าสภาพการณ์แบบนี้จะสามารถยั่งยืนต่อไปหรือไม่? ขอเรียนถามท่านอนุตราจารย์ว่า ท่านมีความคิดเห็นหรือมีคติอะไรเกี่ยวกับปัญหานี้

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: ขอบคุณมาก คำถามของท่านชัดเจนยิ่งนัก ท่านมิได้ละสิ่งใดไว้เลย บางทีท่านอาจจะรู้แจ้งเป็นอย่างยิ่ง ประเด็นก็คือ เราไม่เชื่อในองค์กรที่มีการจัดสรรแบ่งระดับหรือการจัดตำแหน่งสูงต่ำต่าง ๆ คำว่านักบวชกวนอิม เป็นคำเรียกง่าย ๆ เพื่อให้คนเข้าใจว่า บุคคลคนนี้ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดคำสอนได้ตามวิถีกวนอิม อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดอย่างแท้จริงภายในจะเกิดขึ้นโดยความเงียบสงัดจากพระเจ้าภายในจากจิตสู่จิต มิได้กระทำโดยนักบวชกวนอิมซึ่งอยู่ที่นั่นเพียงเพื่อกล่าวคำแนะนำที่เป็นคำพูดเท่านั้น นั่นคือสาเหตุที่เขาถูกเรียกว่า “ผู้ถ่ายทอดสาสน์”

เราไม่ชื่นชมชื่อเรียกยศศักดิ์ใหญ่โตสักเท่าใดนัก ฉันเองยังต้องทนชื่อว่า “ท่านอนุตราจารย์” มามากเกินไปแล้ว ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นเป้าโจมตีเช่นเดียวกัน เราเน้นความอ่อนน้อมถ่อมตนและการขัดเกลาตนเองโดยไม่ประสงค์ยศตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม เรามีคนจำนวนมากทำงานในกลุ่มของเรา น้อยนักที่ท่านจะได้เห็นพวกเขาได้รับคำเอ่ยชมในที่สาธารณะ กลุ่มทำงาน เช่น ทีมงานวีดิทัศน์ได้ทำงานมามากนัก แต่ชื่อเป็นบุคคลไม่เคยได้รับการเอ่ยถึง มีมากมายหลายคนเกี่ยวข้องกับการพิมพ์หนังสือตัวอย่างและหนังสือคำสอน แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงชื่นชมพวกเขา บางครั้งมีรายชื่อออกมา แต่เฉพาะเมื่อกฎหมายของประเทศหนึ่งๆ เรียกร้อง มันเป็นการดีกว่าที่จะอยู่เงียบ ๆ อย่างไรก็ตาม ชื่อจะต้องถูกเปิดเผยหากจำเป็นจริง ๆ ที่ใครจะต้องทราบ มันจะถูกเปิดเผยเมื่อเราไม่มีทางเลือกอื่น แต่คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใส่ใจแต่อย่างใดที่จะได้รับยศตำแหน่งใด ๆ พวกเขาตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของตนเองภายในโดยไม่ต้องประกาศให้ใครทราบ

ศาสตราจารย์หร่วน: ดังนั้นถ้าหากมีแรงกดดัน ท่านอนุตราจารย์เป็นผู้รับเพียงผู้เดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่: เป็นเช่นนั้นจะดีกว่า เพื่อคนอื่นทุกคนจะได้เป็นอิสระและสะดวกสบาย

ศาสตราจารย์หร่วน: คำถามของข้าพเจ้าหมดลงเพียงเท่านี้ ท่านศาสตราจารย์จู

ประธาน: ดีมาก ขอขอบคุณคำวินิจฉัยและคำถามที่ดีเลิศของท่านศาสตราจารย์หร่วนเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ที่ให้การตอบคำถามทั้งหลายอย่างมีความลึกซึ้งยิ่ง ผมคิดว่า ต่อไปนี้ทางด้านการสนทนาของเราอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผมคิดว่า ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านคงมีความสนใจมากที่จะแสดงความคิดเห็นหรือตั้งคำถามเพื่อมาขอคำชี้แนะจากท่านอนุตราจารย์ ซึ่งสามารถขอคำชี้แนะจากผู้วินิจฉัยของเราด้วย เวลานี้พวกเราเริ่มเปิดให้ผู้คนถามคำถามเลย ดีไหม? ดี สุภาพสตรีท่านนี้ก่อน!

หน้า 1 2 3 4